ทาสต้องรู้! พาสัตว์เลี้ยงนั่งรถ เดินทางไกลได้แบบแฮปปี้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
19 มกราคม 2024
ผู้ชม: 561 คน

ทาสต้องรู้! พาสัตว์เลี้ยงนั่งรถ เดินทางไกลได้แบบแฮปปี้ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

เหล่าทาสทั้งหลายคงต้องคิดหนัก เวลาที่ต้องพาสัตว์เลี้ยงเดินทางไปไหนมาไหน แต่ถ้าจะทิ้งน้องให้อยู่เหงาๆ ที่บ้านตามลำพังก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ปัญหาหนักใจ คือน้องหมา น้องแมวบางตัวไม่คุ้นเคยกับการนั่งรถหรือเดินทางไกล อาจเกิดอาการกระวนกระวาย  ตื่นเต้นไม่ยอมนั่งอยู่กับที่ วิ่งวนไปมาจนวุ่นวาย หรือบางตัวอาการหนักเห่าไม่หยุด เมารถ ทีนี้ก็วุ่นวายทั้งเรา ทั้งน้อง รวมถึงการเดินทางไกลความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน เราไปดูกันดีกว่าว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงนั่งรถเดินทางไกลไปกับเราได้แบบแฮปปี้ และมีความปลอดภัยในตลอดเส้นทาง
 

5 วิธี พาสัตว์เลี้ยงนั่งรถ ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

 

1. ให้น้องทำความคุ้นเคยกับกับสิ่งแวดล้อมในรถก่อน

ก่อนออกเดินทางประมาณ 1 - 2 สัปดาห์ มาสร้างความคุ้นเคยให้กับน้อง นั่งในรถโดยยังไม่ต้องขยับรถ แล้วเริ่มฝึกให้คุ้นเคยโดยการพูดคุยกับน้อง ให้เดินเล่นไปมาให้อุ่นใจ หรืออาจจะหาผ้า ของเล่นตัวโปรดมาไว้ในรถด้วยเพื่อให้น้องผ่อนคลาย ทำแบบนี้บ่อยๆ น้องก็จะเริ่มคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมภายในรถมากขึ้น ช่วยลดอาการเครียดกังวลในระหว่างการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี 
 

2. เพิ่มระยะทางในการขับรถ 

หลังจากน้องเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมแล้วให้ลองติดเครื่องยนต์ ถอยรถไปด้านหลังและขับมาด้านหน้าสลับกันไปมาอย่างช้าๆ และดูว่าน้องยังนั่งนิ่งอยู่หรือเปล่า และลองเพิ่มระยะทางในการเดินทางให้ไกลขึ้นจากเดิม แล้วดูว่าน้องแสดงอาการอะไรออกมาไหม หากดูแล้วน้องปกติ สงบ และไม่แสดงอาการใดๆ ก็มั่นใจได้ว่าน้องเริ่มคุ้นเคยกับการนั่งรถแล้ว พร้อมออกเดินทางได้เลย!
 

3. ใช้เข็มขัดคล้องให้เหมาะสมกับนิสัยของน้องสุนัข

คล้องเข็มขัดนิรภัยเข้ากับห่วงสายจูงแบบเต็มตัว เหมาะสำหรับน้องสุนัขพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่ที่มีนิสัยนิ่งๆ ไม่ดื้อไม่ซนมากเท่าไหร่ก็สามารถใช้สายจูงแบบเต็มตัวได้ โดยสายจูงจะยึดติดอยู่กับเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งทำให้สุนัขนั่งอยู่ในท่าเดียว สำหรับวิธีนี้ต้องแน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะไม่ดื้อไม่ซน ไม่หันมากัดสายจูงเอาระหว่างทางได้
คล้องเข็มขัดนิรภัยเข้ากับห่วงสายจูงแบบ Zipline แต่ถ้าน้องมีนิสัยดื้อ ซน active อยู่ตลอดเวลา เคลื่อนไหวไม่ค่อยอยู่นิ่ง ควรใช้สายจูงแบบ Zipline สายจูงจะช่วยดึงไม่ให้สุนัขเคลื่อนไหวมากเกินไป แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกอยู่ เหมาะสำหรับน้องสุนัขพันธุ์เล็กและพันธุ์ใหญ่เลย  
 

4.จัดที่นั่งให้เหมาะสมสำหรับน้อง

เบาะด้านหลัง คือตำแหน่งที่นั่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยง จะทำให้น้องไม่สามารถรบกวนบริเวณคนขับรถได้ หรือสามารถใช้ Dog Car Seat สำหรับสุนัขหรือแมว ก็จะช่วยไม่ให้ร่วงหล่นจากเบาะหากเบรกกะทันหัน เพราะตัวที่นั่งสำหรับสัตว์เลี้ยงนี้จะมีสายนิรภัยอยู่ เหมาะอย่างมากกับน้องๆ ที่ซุกซน
เอาน้องใส่ตะกร้านุ่มนิ่ม เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กน่ารักๆ โดยเอาสัตว์เลี้ยงใส่ในตะกร้าวางไว้ตำแหน่งเบาะหลัง แต่น้องต้องไม่ดื้อไม่ซน นั่งอยู่กับที่ได้ตลอดการเดินทาง หรือทางที่ดีควรใช้คู่กับการใส่สายจูงด้วย หรือการติดตั้งเปลที่เบาะหลัง ก็ทำให้สัตว์เลี้ยงได้นอนพัก และเพลิดเพลิน แถมการติดตั้งเปลจะทำให้น้องไม่ร่วงหล่นลงจากเบาะ และกันไม่ให้ปีนมาที่สวนหน้ารถได้
 
**บริเวณที่ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงนั่งเลยคือพื้นรถ เพราะหากปล่อยให้น้องนั่งที่พื้นรถจะทำให้น้องได้รับแรงกระแทกจนอาจทำให้น้องมีอาการเครียดได้
 

5. ตรวจสุขภาพน้องหมาก่อนออกเดินทาง

ถ้าอยากมั่นใจตลอดการเดินทาง การพาน้องไปตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อตรวจเช็กร่างกายน้องว่าแข็งแรงดีไหม พร้อมที่จะเดินทางหรือไม่ หากว่าน้องแข็งแรงดีก็พากันไปลุยได้เลย 
 
 
เห็นอย่างนี้แล้ว การพาสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณไปท่องเที่ยวในโลกกว้างไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่ต้องเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมกันสักหน่อย แต่ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ การมีประกันสัตว์เลี้ยง TIP Pet Lover ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ให้ความคุ้มครองจัดเต็มกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก หมดปัญหากังวลใจ ค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 645 บาท/ปี เพื่อประสบการณ์ทั้งคุณและน้องที่ไม่มีวันลืม
 

#Tag: