กฎหมายใหม่! จดทะเบียนสัตว์เลี้ยงภายในปี 2569 ใครไม่จดมีโทษปรับ
กฎหมายใหม่มาแรง! เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องรู้ ปี 2569 นี้ รัฐบาลกำลังเดินหน้าบังคับใช้ กฎหมายจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง อย่างจริงจัง ใครที่เลี้ยงน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งหลาย จะต้องนำไปจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่แค่เพื่อควบคุมจำนวนสัตว์จรจัด แต่ยังเป็นการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและป้องกันปัญหาที่ตามมา
ที่สำคัญ หากเพิกเฉย ไม่จดทะเบียนอาจมีโทษปรับ! ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่คนรักสัตว์ทุกคนต้องใส่ใจ เพราะไม่ใช่แค่การดูแลน้องที่บ้าน แต่ยังหมายถึงการปฏิบัติตามกฎหมายที่กระทบถึงเจ้าของโดยตรง
แล้วขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นอย่างไร? ครอบคลุมสัตว์เลี้ยงประเภทไหนบ้าง? และโทษปรับจริงๆ เท่าไหร่? มาหาคำตอบกันในบทความนี้
ทำไมต้องจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง?
กฎหมายใหม่ที่กำลังมีผลบังคับใช้ในปี 2569 กำหนดให้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องนำสัตว์เลี้ยงไปจดทะเบียน ไม่ว่าจะเป็น
- สุนัข
- แมว
- หรือสัตว์เลี้ยงที่กำหนดเพิ่มเติมโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การจดทะเบียนจะช่วยให้รัฐมีฐานข้อมูลสัตว์เลี้ยงที่ชัดเจน ลดปัญหาสัตว์จรจัด และสามารถติดตามเจ้าของได้หากเกิดกรณีสัตว์สร้างความเสียหายหรือถูกทอดทิ้ง
การจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงไม่ใช่ภาระ แต่คือ ความรับผิดชอบที่เจ้าของควรทำ โดยมีเหตุผลสำคัญ
1. ลดปัญหาสัตว์จรจัด
สัตว์เลี้ยงที่ถูกทอดทิ้งหรือหลงหายมักกลายเป็นสัตว์จรจัด ที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาสังคม ทั้งการกัดคน เสี่ยงโรคพิษสุนัขบ้า และอุบัติเหตุบนท้องถนน การจดทะเบียนช่วยให้ ตามหาตัวเจ้าของได้ และลดโอกาสที่สัตว์ถูกทิ้งโดยไม่มีใครรับผิดชอบ
2. มีฐานข้อมูลกลางที่ชัดเจน
เมื่อทุกตัวถูกจดทะเบียน รัฐจะมีฐานข้อมูลสัตว์เลี้ยงระดับประเทศ ทำให้บริหารจัดการได้ง่ายขึ้น เช่น การควบคุมโรค การวางแผนวัคซีน การจัดการสัตว์จรจัด และนโยบายสาธารณะต่างๆ
3. ป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์
การจดทะเบียนมักมาพร้อมกับการตรวจสุขภาพและการฉีดวัคซีน สัตว์เลี้ยง ทำให้มั่นใจว่าเพื่อนสี่ขาของเรามีสุขภาพแข็งแรง และช่วยป้องกันโรคติดต่อสู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคผิวหนังบางชนิด
4. คุ้มครองสิทธิของเจ้าของสัตว์เลี้ยง
หากสัตว์เลี้ยงหายหรือถูกขโมย เอกสารการจดทะเบียนคือ หลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของ อย่างถูกกฎหมาย ลดปัญหาการแอบอ้างสิทธิ์
5. สร้างวัฒนธรรมการเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดชอบ
การจดทะเบียนสะท้อนว่าเจ้าของ ใส่ใจทั้งสัตว์และสังคม ไม่ใช่แค่เลี้ยงเพราะความน่ารัก แต่พร้อมดูแลตลอดชีวิต และไม่ปล่อยปละละเลย
ขั้นตอนการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปสัตว์เลี้ยง
- บัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของสัตว์เลี้ยง
- ทะเบียนบ้านที่สัตว์อาศัยอยู่
- หนังสือยินยอมจากผู้เช่ากรณีเป็นผู้เช่า
- ใบรับรอง (คสส. 1)
- หนังสือรับรองการฉีดวัคซีน (ถ้ามี)
- หนังสือรับรองการผ่าตัดทำหมันจากสัตวแพทย์ (ถ้ามี)
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
คลินิกสัตวแพทย์ของ กทม. ที่ให้บริการฝังไมโครชิปฟรี
คลินิกสัตวแพทย์ กรุงเทพมหานคร 8 แห่ง ให้บริการทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสัตว์ฟรี รวมทั้งมีบริการตรวจรักษาโรคเบื้องต้นให้แก่สัตว์เลี้ยง
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 1 (สี่พระยา) โทร. 0 2236 4055 ต่อ 213
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 2 (มีนบุรี) โทร. 0 2914 5822
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 3 (วัดธาตุทอง) โทร. 0 2392 9278
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 4 (บางเขน) โทร. 0 2579 1342
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 5 (วัดหงส์รัตนาราม) โทร. 0 2472 5895 ต่อ 109
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 6 (ช่วงนุชเนตร) โทร. 0 2476 6493 ต่อ 1104
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม. 7 (บางกอกน้อย) โทร. 0 2411 2432
- กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า เขตดินแดง โทร. 0 2248 7417
นอกจาก 8 คลินิกที่ให้บริการฝังไมโครชิปฟรี ยังมีคลินิกและโรงพยาบาลสัตว์ของเอกชนก็ให้บริการฝังไมโครชิปสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 300-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อไมโครชิปและค่าบริการของแต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์
รับหมายเลขทะเบียนสัตว์เลี้ยง
เมื่อเจ้าของดำเนินการฝังไมโครชิปและจดทะเบียน เรียบร้อยแล้ว หน่วยงานที่รับผิดชอบจะออกเอกสารและ หมายเลขทะเบียนประจำตัวสัตว์เลี้ยง ให้ โดยในทะเบียนจะมีข้อมูลสำคัญ
- หมายเลขไมโครชิป
- ชื่อและสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง
- อายุ เพศ และสีขน
- ข้อมูลเจ้าของที่ถูกต้องตามกฎหมาย
เพียงเท่านี้ ขั้นตอนการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปสัตว์เลี้ยงก็เสร็จสมบูรณ์ ถือว่าคุณได้ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยงอย่างครบถ้วน ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการถูกปรับ แต่ยังสร้างความอุ่นใจว่าหากสัตว์เลี้ยงหาย คุณสามารถใช้ข้อมูลทะเบียนนี้เพื่อติดตามกลับคืนมาได้
ข้อจำกัดในการเลี้ยงสัตว์ตามขนาดพื้นที่
กฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยงฉบับใหม่นี้ ไม่ได้กำหนดเพียงการจดทะเบียนและฝังไมโครชิปเท่านั้น แต่ยังมีการจำกัดจำนวนสัตว์เลี้ยงตามขนาดพื้นที่อยู่อาศัยของเจ้าของด้วย เพื่อให้การเลี้ยงเป็นไปอย่างเหมาะสม ลดความแออัด และปัญหาสัตว์จรจัด
จำนวนสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงได้ตามขนาดพื้นที่
- พื้นที่ไม่เกิน 20 ตารางวา คุณสามารถ เลี้ยงได้ ไม่เกิน 2 ตัว
- พื้นที่ไม่เกิน 50 ตารางวา คุณสามารถ เลี้ยงได้ ไม่เกิน 3 ตัว
- พื้นที่ไม่เกิน 100 ตารางวา คุณสามารถ เลี้ยงได้ ไม่เกิน 4 ตัว
- พื้นที่เกิน 100 ตารางวา คุณสามารถ เลี้ยงได้ ไม่เกิน 6 ตัว
ยิ่งพื้นที่กว้าง ยิ่งเลี้ยงได้มาก แต่ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ทั้งเจ้าของ สัตว์เลี้ยง และชุมชนอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล
เมื่อคุณปฏิบัติตาม กฎหมายเพื่อสัตว์เลี้ยง เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเสริมความมั่นใจด้วยประกันสัตว์เลี้ยงจากทิพยประกันภัย ที่ช่วยให้คุณเลี้ยงน้องหมา น้องแมว ได้อย่างสบายใจทั้งเรื่องกฎหมายและค่าใช้จ่าย ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736
ข้อมูลจาก : สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร