ทำไม? ประกันสัตว์เลี้ยงถึงครอบคลุมแค่สุนัขกับแมว
สัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนคลายเหงา แต่กลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่เจ้าของพร้อมจะดูแลอย่างดีที่สุด ทั้งค่าอาหาร ของเล่น ไปถึงค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงกว่าที่คิด ทำให้ ประกันสัตว์เลี้ยง กลายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่เจ้าของหลายคนเริ่มให้ความสนใจ
แต่เมื่อมองไปที่ตลาดประกันสัตว์เลี้ยง จะเห็นว่าแผนส่วนใหญ่ยังจำกัดความคุ้มครองเพียง สุนัขและแมว เท่านั้น หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นอย่าง นก กระต่าย หนูแกสบี้ หรือสัตว์แปลกๆ ถึงยังไม่มีประกันที่รองรับ?
เหตุผลที่ประกันสัตว์เลี้ยงครอบคลุมแค่สุนัขกับแมว
1. ความนิยมและจำนวนผู้เลี้ยงสูงสุด
จากงานวิจัยจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) หมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่กลุ่มตัวอย่างนิยมเลี้ยงมากที่สุด (40.4%) รองลงมาคือแมว (37.1%) และสัตว์ Exotic (22.6%)
ซึ่งสุนัขและแมวถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับหนึ่งในประเทศไทยและทั่วโลก จากสถิติพบว่าเกินกว่า 70% ของครัวเรือนที่เลี้ยงสัตว์ มักเลือกสุนัขหรือแมวเป็นหลัก บริษัทประกันจึงเห็นว่ามีฐานลูกค้ากว้างพอที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการ
2. ข้อมูลค่ารักษาพยาบาลชัดเจน
โรงพยาบาลสัตว์และคลินิกสัตวแพทย์ส่วนใหญ่มีข้อมูลค่ารักษาสุนัขและแมวที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน เช่น ค่าวัคซีน ค่าผ่าตัดทำหมัน ค่าเอกซเรย์ หรือการรักษาโรคยอดฮิต ทำให้บริษัทประกันสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้คำนวณเบี้ยและวงเงินคุ้มครองได้ง่ายกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น
3. การประเมินความเสี่ยงที่ง่ายกว่า
สุนัขและแมวมีอายุเฉลี่ย การเจ็บป่วย และพฤติกรรมที่ค่อนข้างคาดเดาได้ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร ผิวหนัง หรือโรคพันธุกรรมบางชนิด ซึ่งช่วยให้บริษัทประกันคำนวณความเสี่ยงได้แม่นยำกว่าการทำประกันสัตว์ชนิดอื่นที่ข้อมูลยังมีน้อย
4. ความพร้อมของระบบบริการ
โรงพยาบาลสัตว์ใหญ่ๆ มักมีแผนกเฉพาะทางสำหรับสุนัขและแมว ตั้งแต่ตรวจสุขภาพทั่วไป ไปจนถึงศัลยกรรมและการรักษาเฉพาะด้าน ทำให้การดูแลรักษาสัตว์ 2 ประเภทนี้มีความเป็นระบบ รองรับการใช้ประกันได้จริง
5. ความท้าทายของสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น
สัตว์เลี้ยงแปลก (Exotic Pets) เช่น กระต่าย เต่า หรือสัตว์เลื้อยคลาน ยังมีจำนวนผู้เลี้ยงไม่มาก บวกกับค่ารักษาที่หลากหลายและบางครั้งสูงเกินมาตรฐาน ทำให้ยากต่อการจัดทำแผนประกันที่คุ้มครองครอบคลุมและเป็นธรรมทั้งผู้เอาประกันและบริษัทประกัน
ดังนั้น การที่ประกันสัตว์เลี้ยงยังครอบคลุมเฉพาะสุนัขและแมว จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เกิดจาก สถิติการเลี้ยงสัตว์ ข้อมูลความนิยม ความชัดเจนของข้อมูลค่ารักษาพยาบาล และไปจนถึงความเสี่ยงที่บริษัทประกันสามารถคำนวณได้ ที่ทำให้บริษัทประกันสามารถสร้างสัญญาที่ชัดเจนและใช้งานได้จริง
แล้วในอนาคต ประกันสัตว์เลี้ยงจะครอบคลุมสัตว์อื่นหรือไม่?
หลายคนที่เลี้ยงสัตว์ชนิดอื่น เช่น กระต่าย นก หนูแกสบี้ หรือสัตว์เลี้ยงแปลก (Exotic Pets) อาจสงสัยว่า ทำไมยังไม่มีแผนประกันสำหรับสัตว์เหล่านี้ และมีโอกาสหรือไม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต?
- ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มพัฒนา ประกันสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่ม เช่น ประกันกระต่ายในยุโรป หรือประกันสัตว์แปลกในญี่ปุ่น
- หากตลาดผู้เลี้ยงในไทยเติบโตมากขึ้น และมีข้อมูลค่ารักษาพยาบาลที่ชัดเจน บริษัทประกันก็อาจขยายความคุ้มครองไปยังสัตว์อื่นๆ ได้เช่นกัน
- การเติบโตของธุรกิจสัตว์เลี้ยง (Pet Economy) ยังเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้อนาคตของประกันสัตว์เลี้ยงอาจไม่หยุดแค่สุนัขและแมว
วิธีเลือกประกันสัตว์เลี้ยงให้คุ้มค่า
เมื่อมีแผนประกันสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เจ้าของควรรู้หลักในการเลือกเพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
- ความคุ้มครองพื้นฐาน : ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุ หรือการผ่าตัดใหญ่
- ค่าเบี้ยประกัน : เลือกแผนที่เหมาะสมกับงบประมาณ และสอดคล้องกับความเสี่ยงของสัตว์เลี้ยง
- ข้อยกเว้น : อ่านเงื่อนไข เช่น โรคประจำสายพันธุ์ โรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน
- บริการเสริม : รับฝากสัตว์เลี้ยง, ค่าใช้จ่ายในการประกาศติดตามสัตว์เลี้ยงสูญหาย หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง
และหนึ่งในทางเลือกที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ควรมองข้ามก็คือ TIP Pet Lover จากทิพยประกันภัย ที่ออกแบบมาเพื่อดูแลทั้งน้องหมาและน้องแมวโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย
- คุ้มครองชีวิตสัตว์เลี้ยงกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- มีบริการเสริมเพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้เจ้าของ
เพราะการมีประกันสัตว์เลี้ยงที่ใช่ ไม่ได้แค่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังทำให้มั่นใจได้ว่าสมาชิกตัวน้อยในบ้านจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทุกสถานการณ์ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736