"อาการตาล้า" ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมวิธีบรรเทาอาการ
ในสมัยนี้ต้องบอกเลยว่าทุกเพศทุกวัยต่างก็ใช้สายตากันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการใช้สายตาไปกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อย่างเช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นวัยเรียนหรือเป็นวัยทำงานก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เลยทำให้ใครหลายๆ คนเกิดอาการตาล้า เพราะถ้าหากเป็นบ่อยๆ อาจส่งผลเสียในระยะยาวได้ มาทำความรู้จักเกี่ยวกับอาการนี้กันดีกว่า
อาการตาล้ามีลักษณะเป็นอย่างไร
- ปวดตา กระบอกตา หรือบริเวณรอบๆ ดวงตา
- ตามีภาวะตาแห้งอย่างผิดปกติ
- มีการคันตา เคืองตา หรือแสบตาอยู่บ่อยๆ
- เกิดอาการตาเบลอขึ้นมาได้ มองอะไรไม่ชัด
- ดวงตามีความไวต่อแสงเป็นอย่างมากจะทำให้รู้สึกแสบตา
- ในบางครั้งก็จะมีน้ำตาไหลออกมาบ่อยๆ ให้เห็น ร่วมกับการแสบตา
- ส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ เช่น ปวดหัว ไมเกรน บ้านหมุน ปวด คอ บ่า ไหล่ได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการตาล้า
- ใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน เพราะจำเป็นจะต้องจ้องอยู่เป็นประจำทำให้ตามีภาวะแห้งได้นั่นเอง
- การใช้ดวงตาในที่มืดๆ ขณะที่แสงมีไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อของตาจะต้องเกร็งเพื่อช่วยในการมองเห็นได้ชัดมากยิ่งขึ้น เลยทำให้เกิดอาการตาล้า
- ค่าสายตามีปัญหาอาจทำให้เกิดอาการล้าได้ ทั้งนี้ในการประเมินจะต้องใช้จักษุแพทย์ ประเมินว่าค่าสายตาที่เป็นนั้นคืออะไร และสามารถแก้ไขได้อย่างไรบ้าง
- สำหรับใครที่ขับรถในระยะทางไกลๆ จำเป็นที่จะต้องใช้สายตาอยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกใจว่าถ้าหากมีการใช้เวลานานและไม่สามารถละสายตาได้ ก็จะเกิดอาการตาล้าได้นั่นเอง
- หากมีความเครียดเข้ามาก็สามารถทำให้เกิดอาการตาล้าได้ ซึ่งถือว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งที่แสดงออกมาเมื่อเกิดความเครียด หรือมีปัญหาชีวิตรุมเร้า
วิธีแก้อาการตาล้าจากการใช้งานหนัก
การเว้นระยะจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
ในการเว้นระยะห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน จะช่วยทำให้แสงเข้าตาได้น้อยลง โดนการเว้นระยะจากสมาร์ทโฟนควรอยู่ที่ 50 เซนติเมตร ในส่วนของคอมพิวเตอร์สามารถเว้นเพิ่มที่ระดับ 70 เซนติเมตรได้
การพักสายตาระหว่างวันเพื่อถนอมดวงตา
การพักสายตาระหว่างวัน หรือก็คือพักสายตาจากคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนในทุกๆ 20 นาที และหาพื้นที่ที่สามารถใช้สายตามองในระยะไกลๆ ได้ ในอีกกรณีก็คืองีบหลับเพื่อพักสายตาได้เลย
หาเวลากะพริบตาบ่อยๆ เพื่อให้ต่อมน้ำตาทำงาน
การกะพริบตาจะสามารถช่วยลดอาการตาล้าได้ โดยแนะนำว่าให้กะพริบประมาณ 15 ครั้ง เมื่อนึกขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ก็สามารถทำตามได้เลย สิ่งนี้จะทำให้ต่อมน้ำตาทำงานนั่นเอง
ประคบเย็นที่ดวงตา จากนั้นตามด้วยประคบอุ่นที่ดวงตา
เมื่อเกิดอาการตาล้าการประคบเย็นจะช่วยในเรื่องของหลอดเลือดในตาให้หดลง และถ้าประคบแบบอุ่นก็จะช่วยคลายกล้ามเนื้อในตาได้ รวมๆ แล้วจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้นได้
อาการตาล้าส่งผลกระทบในระยะยาวอย่างไรบ้าง?
- อาการตาล้าถ้าหากเป็นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะเมื่อมีอาการตาล้าก็จะไม่รู้สึกอยากจะเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียน และการทำงานที่ความอยากในการทำกิจกรรมเหล่านี้จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และแน่นอนว่าส่งผลต่อการขับรถได้เช่นกัน
- ถ้าหากมีการดูแลรักษาที่ไม่ดี ต้องบอกเลยว่าสุขภาพตาอาจจะเสียได้ โดยสิ่งที่พบได้บ่อยก็คือโรคประสาทตามเสื่อม วุ้นตาเสื่อม หรือมีปัญหาเกี่ยวกับตาในด้านอื่นๆ ได้ แนะนำว่าถ้าหากใครมีอาการที่ตาแปลกไปจากปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขหรือป้องกัน
สรุปบทความ
อาการตาล้า นับว่าเป็นอาการที่มีการสั่งสมมาเรื่อยๆ เป็นระยะเวลานาน แรกๆ อาจไม่รู้หรือไม่เข้าใจว่าตาเป็นอะไรหรือเปล่า เพียงแค่ใช้สายตามากเกินไปพอพักก็หาย แต่ก็ต้องบอกว่าอาการตาล้าส่งผลระยะยาวได้มากกว่าที่คิด หากใช้ดวงตาแบบไม่รักษาสุขภาพก็อาจทำให้สุขภาพดวงตาแย่ลงได้ ดังนั้นหากเกิดอาการตาผิดปกติ หรือหาทางป้องกันไว้ก่อน ก็ขอแนะนำให้มาทำประกันสุขภาพกับ Tipinsure ที่พร้อมดูแลสุขภาพของคุณ