เจ็บตัวนิดเดียวควรไปโรงพยาบาลไหม? วิธีประเมินอาการหลังอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะหกล้ม รถชนเล็กน้อย หรือของตกใส่ตัว หลายครั้งเราอาจรู้สึกว่าเจ็บนิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก แล้วเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาล แต่ความเป็นจริงอาการบาดเจ็บเล็กๆ อาจซ่อนความรุนแรงที่คุณมองไม่เห็น เช่น เลือดออกในสมอง กระดูกแตกร้าว หรืออวัยวะภายในได้รับการกระทบกระเทือน หากละเลยอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในอนาคต
การรู้จักวิธีประเมินอาการเบื้องต้นหลังอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งสำคัญ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า ควรพักผ่อนเฝ้าดูอาการเอง หรือจำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนที่คุณรัก
ทำไมอาการเจ็บเล็กน้อยจึงไม่ควรมองข้าม
หลายคนมักคิดว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วมีเพียงรอยถลอก ฟกช้ำ หรือแผลเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่ในความจริงแล้วอาการเล็กน้อยอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้น ของการบาดเจ็บที่ร้ายแรงกว่าที่ตาเห็น เพราะร่างกายของเรามีอวัยวะสำคัญที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบด้วยสายตาได้
บางอาการยังมีลักษณะแฝงที่ค่อยๆ แสดงผลหลังผ่านไปหลายชั่วโมงหรือหลายวัน เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง เวียนหัว อาเจียน หรือรอยช้ำที่บวมผิดปกติ หากละเลยอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนหรือต้องรักษาอย่างเร่งด่วนในภายหลัง ถึงแม้จะดูเหมือนบาดเจ็บเล็กน้อย ก็ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และหากมีสิ่งผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้ปัญหาสุขภาพบานปลายในอนาคต
วิธีประเมินอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง
หลังเกิดอุบัติเหตุ แม้จะดูเหมือนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่การตรวจสอบอาการด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าควรพักผ่อน เฝ้าดูอาการ หรือจำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันที
- สังเกตอาการเจ็บปวดและตำแหน่งที่บาดเจ็บ
หากมีอาการปวดรุนแรง ปวดไม่ทุเลาลง หรือปวดเพิ่มขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว ควรระวังว่ามีการบาดเจ็บภายในหรือกระดูกอาจได้รับความเสียหาย
- เช็กสัญญาณชีพเบื้องต้น
เช่น การหายใจว่าเป็นปกติหรือไม่ มีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หรือหายใจลำบากหรือเปล่า รวมถึงตรวจสอบระดับความรู้สึกตัว หากเริ่มสับสน ตอบสนองช้าหรือหมดสติ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
- ทดสอบการเคลื่อนไหว
ลองขยับแขน ขา หรือส่วนที่บาดเจ็บ หากไม่สามารถขยับได้ตามปกติ หรือมีอาการเจ็บแปลบจนเคลื่อนไหวไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณของกระดูกหักหรือเส้นเอ็นฉีกขาด
- ประเมินบาดแผลภายนอก
ตรวจดูว่ามีเลือดออกมากหรือไม่ เลือดหยุดไหลเองหรือเปล่า หากเลือดไม่หยุดแม้กดห้ามแล้ว ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยเร็ว
- เฝ้าดูอาการต่อเนื่อง
บางการบาดเจ็บ เช่น เลือดออกในสมองหรืออวัยวะภายในฉีกขาด อาจไม่แสดงอาการทันที จึงควรเฝ้าสังเกตอาการ 24–48 ชั่วโมงหลังอุบัติเหตุ หากมีความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การประเมินอาการด้วยตัวเองอย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงในการมองข้ามอาการสำคัญ และทำให้ตัดสินใจได้ถูกต้องว่าจะดูแลต่อที่บ้านหรือไปโรงพยาบาล
สัญญาณอันตรายที่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แม้อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจะดูไม่รุนแรงในตอนแรก แต่หากมีสัญญาณผิดปกติบางอย่าง ควรรีบไปพบแพทย์โดยไม่รอช้า เพราะอาจเป็นอาการบ่งชี้ถึงการบาดเจ็บภายในที่อันตรายและอาจคุกคามถึงชีวิตได้
- ปวดศีรษะรุนแรง มึนงง สับสน หรือหมดสติ
เป็นสัญญาณของการกระทบกระเทือนทางสมอง หรือเลือดออกในสมอง ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องได้รับการตรวจและรักษาอย่างเร่งด่วน
- หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก หรือแน่นท้อง
อาจบ่งบอกถึงการบาดเจ็บของปอด กระดูกซี่โครงหัก หรือการฉีกขาดของอวัยวะภายใน เช่น ตับ ม้าม หรือไต ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียเลือดภายในอย่างรุนแรง
- เลือดออกไม่หยุด แม้พยายามห้ามเลือดแล้ว
หลอดเลือดอาจฉีกขาดหรือได้รับความเสียหาย การเสียเลือดมากอาจทำให้ช็อกและเป็นอันตรายถึงชีวิต
- กระดูกผิดรูปหรือไม่สามารถขยับอวัยวะได้ตามปกติ
เป็นสัญญาณของกระดูกหักหรือหลุดล dislocation ที่ต้องได้รับการจัดการอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีเลือดออกจากหู/จมูก
มักเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บทางสมองหรือกะโหลกศีรษะ ซึ่งหากละเลยอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
หากมีอาการเหล่านี้ไม่ว่าจะเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะยิ่งได้รับการตรวจรักษาเร็ว โอกาสรอดและการฟื้นตัวก็จะยิ่งสูงขึ้น
เมื่อใดที่สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้
ไม่ใช่ทุกอุบัติเหตุที่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลทันที หากประเมินแล้วว่าอาการไม่รุนแรง และไม่มีสัญญาณอันตราย สามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ โดยกรณีที่มักจะไม่อันตราย เช่น
- แผลถลอกเล็กน้อย
หากแผลไม่ลึก ไม่กว้าง และไม่มีสิ่งสกปรกฝังใน สามารถล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ จากนั้นทายาฆ่าเชื้อและปิดพลาสเตอร์ได้เองที่บ้าน เพียงเฝ้าสังเกตว่าไม่มีอาการบวมแดงหรือหนอง
- รอยฟกช้ำเล็กน้อย
การกระแทกจนเกิดรอยช้ำ แต่ไม่มีอาการปวดรุนแรงหรือบวมมากผิดปกติ สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และพักการใช้งานในช่วงแรกได้ โดยทั่วไปอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
- ไม่มีอาการระบบประสาทผิดปกติ
หากหลังจากการกระแทกหรือหกล้ม ไม่มีอาการเวียนหัว มึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือหมดสติ ก็สามารถพักผ่อนและเฝ้าดูอาการที่บ้านได้ แต่หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นภายหลัง ควรไปพบแพทย์ทันที
- เคลื่อนไหวร่างกายได้ตามปกติ
หากยังเดิน ยกแขน หรือขยับข้อได้ตามปกติ แม้อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อย ก็ถือว่าสามารถเฝ้าดูอาการที่บ้าน โดยหลีกเลี่ยงการใช้งานหนักเกินไป
แต่อย่างไรก็ตามการดูแลตัวเองที่บ้านควรควบคู่ไปกับการเฝ้าสังเกตอาการต่อเนื่อง 24–48 ชั่วโมง หากพบสิ่งผิดปกติ เช่น บวมแดงมากขึ้น ปวดเพิ่มขึ้น หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย
มั่นใจได้มากขึ้นด้วยประกันอุบัติเหตุจากทิพยประกันภัย
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แม้เราจะระมัดระวังเพียงใดก็ตาม และสิ่งที่ตามมานอกจากความเจ็บปวดแล้วก็คือ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่บางครั้งสูงเกินกว่าจะคาดคิด การมีประกันอุบัติเหตุ จึงเป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันสำคัญที่จะช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันทีโดยไม่ต้องลังเลว่าจะมีเงินเพียงพอหรือไม่
ทิพยประกันภัยมีแผน ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ที่ครอบคลุมตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ ไปจนถึงเงินชดเชยกรณีบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เพียงมีประกันอุบัติเหตุจากทิพยประกันภัย คุณจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการเงิน สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736