ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี 2568 ต้องอบรมไหม และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
เมื่อใบขับขี่ชนิดชั่วคราว 2 ปี ใกล้หมดอายุ หลายคนอาจมีคำถามหากจะต่ออายุเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีในปี 2568 ต้องเตรียมตัวอย่างไร? ต้องอบรมหรือไม่? และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
การต่อใบขับขี่จาก 2 ปีเป็น 5 ปี ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังเป็นโอกาสในการทบทวนความรู้ด้านกฎจราจร รวมถึงตรวจสุขภาพให้พร้อมก่อนขับขี่บนท้องถนน
และขั้นตอนในการต่อใบขับขี่ปี 2568 จำเป็นต้องอบรมไหม ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร เพื่อให้คุณเตรียมตัวล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง ไม่พลาดวันหมดอายุ และไม่ต้องเสียเวลาวิ่งวุ่นในวันสุดท้ายของการต่ออายุใบขับขี่
เงื่อนไขการอบรมต่อใบขับขี่ 5 ปี ต้องอบรมไหม?
เมื่อใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี ใกล้หมดอายุ หลายคนอาจเริ่มกังวลโดยเฉพาะในเรื่องของการอบรม ว่าจำเป็นต้องเข้ารับการอบรมใหม่หรือไม่ หากจะต่ออายุเป็นแบบ 5 ปี
ข่าวดีคือ ไม่จำเป็นต้องอบรมใหม่ หากใบขับขี่ของคุณ ยังไม่หมดอายุ หรือหมดอายุไม่เกิน 1 ปี ก็สามารถยื่นขอต่ออายุเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีได้โดยไม่ต้องเข้าอบรมอีกครั้ง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถยื่นคำขอต่ออายุได้ล่วงหน้านานถึง 180 วัน (6 เดือน) ช่วยให้มีเวลาเตรียมตัวโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันหมดอายุ
สามารถจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์ด้วยแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ DLT Smart Queue หรือ Waik-in เข้าไปที่สำนักงานกรมการขนส่งทางบกแต่ละพื้นที่ ส่วนการอบรมนั้นจะบังคับเฉพาะการต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปีเท่านั้น
เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุใบขับขี่
สำหรับผู้ที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่จากแบบ 2 ปี เป็น 5 ปี ควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เสียเวลาในวันยื่นคำขอ โดยเอกสารที่ต้องใช้
- ใบขับขี่ตัวจริง (แบบ 2 ปี)
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ ซึ่งต้องออกโดยสถานพยาบาลที่ถูกต้อง และมีอายุไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ออก
แนะนำให้ตรวจสอบวันหมดอายุของเอกสารล่วงหน้า และจัดเตรียมไว้ให้พร้อม เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการต่อใบขับขี่
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ ทำได้ที่ไหนบ้าง
การต่ออายุใบขับขี่จากแบบชั่วคราว 2 ปี เป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี สามารถดำเนินการได้ที่กรมการขนส่งทางบกทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. จองคิวล่วงหน้า
แนะนำให้จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวนาน หรือหากสะดวกสามารถเดินทางไปยื่นเรื่องที่สำนักงานขนส่งโดยตรงได้เช่นกัน
2. ยื่นเอกสารและกรอกคำขอ
เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน (ใบขับขี่เดิม บัตรประชาชน ใบรับรองแพทย์) แล้วกรอกแบบฟอร์มคำขอต่ออายุใบขับขี่
3. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย
ประกอบด้วยการทดสอบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ เช่น
- การมองเห็นสีไฟจราจร (เขียว เหลือง แดง)
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (การเหยียบเบรก)
4. ถ่ายรูปและชำระค่าธรรมเนียม
เมื่อผ่านการตรวจสมรรถภาพแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการถ่ายรูปเพื่อออกใบขับขี่ใหม่ พร้อมชำระค่าธรรมเนียม
ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
มีค่าใช้จ่าย 505 บาท (ค่าใบขับขี่ 500 บาท + ค่าคำขอ 5 บาท)
หากขาดต่อใบขับขี่ ต้องทำอย่างไร
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่
- ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องเริ่มกระบวนการทำใบขับขี่ใหม่ทั้งหมด อบรม / ทดสอบข้อเขียน / ทดสอบขับรถ
ใบขับขี่หมดอายุมีโทษปรับอย่างไร
หากขับรถในขณะที่ใบขับขี่หมดอายุ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายจราจร มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกใบสั่งหรือยึดใบขับขี่ได้ทันที แม้จะหมดอายุเพียง 1 วันก็มีสิทธิ์โดนปรับ ดังนั้นควรตรวจสอบวันหมดอายุของใบขับขี่อยู่เสมอ และควรต่ออายุล่วงหน้าได้ภายใน 180 วัน (6 เดือน) นอกจากนี้หากไม่แสดงใบขับขี่หรือไม่พกใบขับขี่ระหว่างขับรถจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทอีกด้วย
ซื้อประกันรถยนต์ต้องใช้ใบขับขี่ไหม
คุณสามารถซื้อประกันรถยนต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่ แต่การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่อาจทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
หากคุณเป็นฝ่ายผิด : บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของคุณ แต่จะยังคงรับผิดชอบความเสียหายต่อบุคคลภายนอกตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
หากคุณเป็นฝ่ายถูก : บางกรณีบริษัทประกันภัยอาจพิจารณาให้ความคุ้มครอง แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
นอกจากใบขับขี่จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนขับรถยนต์แล้ว ประกันรถยนต์สำคัญไม่แพ้กัน เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นเหตุสุดวิสัยหรือความประมาทเล็กน้อย การมีประกันรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และมอบความอุ่นใจทั้งต่อตัวคุณและผู้ร่วมทางบนท้องถนน
แนะนำประกันรถยนต์จากทิพยประกันภัย ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่ประกันชั้น 1 คุ้มครองครบทั้งรถคุณและรถคู่กรณี ไม่ว่าจะชน มีรอย ถอยชนเสา ไปจนถึงประกัน 2+, 3+ ที่ดูแลในราคาประหยัดแต่ยังคงคุ้มครองรถชนที่มีคู่กรณี หรือกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ และประกันชั้น 3 ที่เน้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกในราคาย่อมเยา สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันออนไลน์ได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736