เช็กระยะรถยนต์สำคัญอย่างไร ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง
การเช็กระยะรถยนต์ตามกำหนดเวลาหรือตามเลขไมล์ที่วิ่งไป ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์ที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถคู่ใจ แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกด้วย หลายคนอาจยังมีคำถามว่าจำเป็นแค่ไหน และแต่ละครั้งต้องทำอะไรบ้าง วันนี้ TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้คุณแล้วในบทความนี้ เพื่อให้การดูแลรถของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ทำไมการเช็กระยะรถยนต์ถึงจำเป็น
การนำรถเข้าเช็กระยะรถยนต์ไม่ใช่แค่การทำตามคู่มือ แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งให้ประโยชน์สำคัญหลายด้าน ดังนี้
เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
การตรวจเช็กชิ้นส่วนสำคัญอย่าง ระบบเบรก ยางรถยนต์ และช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากความบกพร่องของอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี
เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์และอะไหล่
การเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามกำหนด เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และการเปลี่ยนไส้กรองต่าง ๆ เปรียบเสมือนการดูแลสุขภาพของรถ ช่วยป้องกันการสึกหรอก่อนเวลาอันควร ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มกำลัง และประหยัดค่าซ่อมบำรุงหนัก ๆ ในอนาคต
เพื่อรักษาประสิทธิภาพของรถยนต์
รถที่ผ่านการเช็กระยะรถยนต์อย่างต่อเนื่องจะมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นปกติ เครื่องยนต์เดินเรียบ และมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ทำให้ทุกการเดินทางของคุณราบรื่นและประหยัดค่าใช้จ่าย
เพื่อรักษามูลค่าของรถยนต์
รถยนต์ที่มีประวัติการเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็กระยะรถยนต์ครบถ้วน จะเป็นที่ต้องการของตลาดรถมือสองมากกว่า ทำให้เมื่อถึงเวลาขายต่อจะยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ดีกว่ารถที่ขาดการบำรุงรักษา
เช็กระยะรถยนต์แต่ละครั้ง ต้องทำอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว การเช็กระยะรถยนต์จะแบ่งตามระยะทางหรือระยะเวลา โดยมีรายการหลัก ๆ ที่ต้องตรวจสอบดังนี้
ระยะเริ่มต้น 10,000 - 20,000 กม. (หรือทุก 6 เดือน)
- เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง
- ตรวจเช็กลมยางและสลับยาง
- ตรวจเช็ก ระบบเบรก เบื้องต้น (ความหนาผ้าเบรก, ระดับน้ำมันเบรก)
- ตรวจเช็กไส้กรองอากาศ
ระยะกลาง 40,000 - 60,000 กม.
- ทำตามรายการของระยะเริ่มต้นทั้งหมด
- เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเบรก
- ตรวจเช็กหรือเปลี่ยนหัวเทียน
- ตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่และระบบไฟส่องสว่าง
- ตรวจเช็กช่วงล่างและโช้คอัพ
ระยะใหญ่ 80,000 - 100,000 กม. ขึ้นไป
- ทำตามรายการของระยะกลางทั้งหมด
- เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง (สำหรับรถยนต์บางรุ่น)
- ตรวจเช็กระบบหล่อเย็นและเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น
- ล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเช็กระยะรถยนต์ (FAQ)
ไม่เช็กระยะตามกำหนดได้ไหม จะเกิดอะไรขึ้น?
การละเลยการเช็กระยะรถยนต์ อาจส่งผลเสียหลายอย่างตามมา ตั้งแต่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ, ค่าซ่อมที่บานปลายจากการเสียเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่, ประสิทธิภาพรถลดลง กินน้ำมันมากขึ้น และอาจทำให้การรับประกันจากผู้ผลิตสิ้นสุดลงก่อนกำหนด
เช็กระยะที่ศูนย์บริการกับอู่นอก แบบไหนดีกว่ากัน?
ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกันศูนย์บริการจะมีความเชี่ยวชาญในรถยี่ห้อนั้น ๆ โดยตรง ใช้อะไหล่แท้ และมีการรับประกันงานซ่อม แต่ค่าบริการอาจสูงกว่า ในขณะที่อู่นอกที่ไว้ใจได้อาจมีค่าบริการที่ย่อมเยากว่าและมีความยืดหยุ่นสูง การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับความสะดวกใจ งบประมาณ และการรับประกันของรถยนต์
รถใหม่ป้ายแดง จำเป็นต้องเช็กระยะ 1,000 กม. แรกหรือไม่?
จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตรวจสอบความสมบูรณ์ของรถหลังออกจากโรงงาน และเพื่อเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ครั้งแรกเพื่อชะล้างเศษโลหะที่อาจตกค้างจากกระบวนการผลิต ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพของเครื่องยนต์ในระยะยาว
สรุปบทความ
จะเห็นได้ว่าการเช็กระยะรถยนต์ คือสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย เพราะเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและรักษาประสิทธิภาพของรถให้ดีอยู่เสมอ แต่ถึงแม้เราจะดูแลรถดีแค่ไหน เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้ การมีประกันรถยนต์จาก TIPINSURE จึงช่วยเพิ่มความอุ่นใจ คุ้มครองคุณได้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงแค่ไหน ก็พร้อมดูแลคุณและรถยนต์ของคุณให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี