เช็กระยะรถยนต์ จำเป็นไหม? สรุปรายการที่ต้องทำเพื่อความปลอดภัย
29 สิงหาคม 2025
ผู้ชม: 15 คน

เช็กระยะรถยนต์สำคัญอย่างไร ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง

เช็กระยะรถยนต์สำคัญอย่างไร

การเช็กระยะรถยนต์ตามกำหนดเวลาหรือตามเลขไมล์ที่วิ่งไป ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลรักษารถยนต์ที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถคู่ใจ แต่ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกด้วย หลายคนอาจยังมีคำถามว่าจำเป็นแค่ไหน และแต่ละครั้งต้องทำอะไรบ้าง วันนี้ TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้คุณแล้วในบทความนี้ เพื่อให้การดูแลรถของคุณเป็นเรื่องง่ายขึ้น

 

ทำไมการเช็กระยะรถยนต์ถึงจำเป็น

การนำรถเข้าเช็กระยะรถยนต์ไม่ใช่แค่การทำตามคู่มือ แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว ซึ่งให้ประโยชน์สำคัญหลายด้าน ดังนี้

เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ 

การตรวจเช็กชิ้นส่วนสำคัญอย่าง ระบบเบรก ยางรถยนต์ และช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากความบกพร่องของอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี

เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์และอะไหล่ 

การเปลี่ยนถ่ายของเหลวตามกำหนด เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และการเปลี่ยนไส้กรองต่าง ๆ เปรียบเสมือนการดูแลสุขภาพของรถ ช่วยป้องกันการสึกหรอก่อนเวลาอันควร ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มกำลัง และประหยัดค่าซ่อมบำรุงหนัก ๆ ในอนาคต

เพื่อรักษาประสิทธิภาพของรถยนต์ 

รถที่ผ่านการเช็กระยะรถยนต์อย่างต่อเนื่องจะมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นปกติ เครื่องยนต์เดินเรียบ และมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดี ทำให้ทุกการเดินทางของคุณราบรื่นและประหยัดค่าใช้จ่าย

เพื่อรักษามูลค่าของรถยนต์ 

รถยนต์ที่มีประวัติการเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็กระยะรถยนต์ครบถ้วน จะเป็นที่ต้องการของตลาดรถมือสองมากกว่า ทำให้เมื่อถึงเวลาขายต่อจะยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ดีกว่ารถที่ขาดการบำรุงรักษา

 

เช็กระยะรถยนต์แต่ละครั้ง ต้องทำอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้ว การเช็กระยะรถยนต์จะแบ่งตามระยะทางหรือระยะเวลา โดยมีรายการหลัก ๆ ที่ต้องตรวจสอบดังนี้

ระยะเริ่มต้น 10,000 - 20,000 กม. (หรือทุก 6 เดือน)

  • เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำมันเครื่อง
  • ตรวจเช็กลมยางและสลับยาง
  • ตรวจเช็ก ระบบเบรก เบื้องต้น (ความหนาผ้าเบรก, ระดับน้ำมันเบรก)
  • ตรวจเช็กไส้กรองอากาศ

ระยะกลาง 40,000 - 60,000 กม.

  • ทำตามรายการของระยะเริ่มต้นทั้งหมด
  • เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และน้ำมันเบรก
  • ตรวจเช็กหรือเปลี่ยนหัวเทียน
  • ตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่และระบบไฟส่องสว่าง
  • ตรวจเช็กช่วงล่างและโช้คอัพ

ระยะใหญ่ 80,000 - 100,000 กม. ขึ้นไป

  • ทำตามรายการของระยะกลางทั้งหมด
  • เปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง (สำหรับรถยนต์บางรุ่น)
  • ตรวจเช็กระบบหล่อเย็นและเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น
  • ล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเช็กระยะรถยนต์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเช็กระยะรถยนต์ (FAQ)

ไม่เช็กระยะตามกำหนดได้ไหม จะเกิดอะไรขึ้น? 

การละเลยการเช็กระยะรถยนต์ อาจส่งผลเสียหลายอย่างตามมา ตั้งแต่ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพ, ค่าซ่อมที่บานปลายจากการเสียเล็กน้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่, ประสิทธิภาพรถลดลง กินน้ำมันมากขึ้น และอาจทำให้การรับประกันจากผู้ผลิตสิ้นสุดลงก่อนกำหนด

เช็กระยะที่ศูนย์บริการกับอู่นอก แบบไหนดีกว่ากัน? 

ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกันศูนย์บริการจะมีความเชี่ยวชาญในรถยี่ห้อนั้น ๆ โดยตรง ใช้อะไหล่แท้ และมีการรับประกันงานซ่อม แต่ค่าบริการอาจสูงกว่า ในขณะที่อู่นอกที่ไว้ใจได้อาจมีค่าบริการที่ย่อมเยากว่าและมีความยืดหยุ่นสูง การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับความสะดวกใจ งบประมาณ และการรับประกันของรถยนต์

รถใหม่ป้ายแดง จำเป็นต้องเช็กระยะ 1,000 กม. แรกหรือไม่? 

จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตรวจสอบความสมบูรณ์ของรถหลังออกจากโรงงาน และเพื่อเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ครั้งแรกเพื่อชะล้างเศษโลหะที่อาจตกค้างจากกระบวนการผลิต ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพของเครื่องยนต์ในระยะยาว

สรุปการเช็กระยะรถยนต์

 

สรุปบทความ

จะเห็นได้ว่าการเช็กระยะรถยนต์ คือสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรละเลย เพราะเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและรักษาประสิทธิภาพของรถให้ดีอยู่เสมอ แต่ถึงแม้เราจะดูแลรถดีแค่ไหน เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นได้ การมีประกันรถยนต์จาก TIPINSURE จึงช่วยเพิ่มความอุ่นใจ คุ้มครองคุณได้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงแค่ไหน ก็พร้อมดูแลคุณและรถยนต์ของคุณให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

#Tag: