ขับน้อยแต่ต้องดูแลมาก วิธีง่ายๆ ป้องกันรถพังเพราะจอดนานเกินไป
14 พฤศจิกายน 2025
ผู้ชม: 14 คน

ขับน้อยแต่ต้องดูแลมาก วิธีง่ายๆ ป้องกันรถพังเพราะจอดนานเกินไป

ขับรถน้อย = รถเสียน้อย แต่ความจริงแล้วรถที่จอดทิ้งไว้นานเกินไปต่างหากที่เสี่ยงพังแบบไม่รู้ตัว! เพราะรถถูกออกแบบมาให้ถูกใช้งานมากกว่าจอดอยู่เฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่ค่อยๆ อ่อนแรง ยางที่เริ่มแบนจนเสียรูป เครื่องยนต์และของเหลวที่เสื่อมสภาพ หรือแม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็กๆ ที่อาจเข้ามาอาศัยในห้องเครื่อง

ยิ่งช่วงนี้ไลฟ์สไตล์หลายคนเปลี่ยนไป ทำงานที่บ้าน ขับรถออกน้อย หรือมีรถสำรองหลายคัน ยิ่งต้องรู้ วิธีดูแลรถที่จอดนานให้พร้อมใช้งานเสมอ เพราะถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจต้องจ่ายซ่อมหนักกว่าที่คิดเสียอีก

 

ทำไมรถจอดนานถึงพังได้?

หลายคนเข้าใจว่า ไม่ได้ขับ = ไม่สึกหรอ แต่ในความเป็นจริง รถที่จอดนิ่งนานเกินไปกลับเสื่อมสภาพเงียบๆ โดยไม่มีสัญญาณเตือน เพราะชิ้นส่วนในรถออกแบบมาให้ทำงานหมุนเวียนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นของเหลว ระบบไฟ หรือยางที่ต้องเคลื่อนไหวเพื่อคงรูป ยิ่งจอดเฉยๆ นานเท่าไหร่ ต้นทุนซ่อมยิ่งสูงโดยไม่รู้ตัว

 

ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อรถไม่ค่อยได้ขับ

1.  แบตเตอรี่หมด รถสตาร์ตไม่ติด

อาการ : หมุนกุญแจแล้วเงียบ ไม่มีเสียงสตาร์ต หรือไฟหน้าหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งไฟหน้าปัดหรือหน้าจอเรือนไมล์อาจติดแวบเดียวแล้วดับ บ่งบอกว่าแรงดันไฟในระบบไม่พอ

รถที่จอดนิ่งนานเกิน 1–2 สัปดาห์ แต่ยังมีระบบไฟทำงานอยู่ เช่น ระบบกันขโมย กล่อง ECU กล้องติดรถ หรืออุปกรณ์ที่เสียบพอร์ต USB ค้างไว้ สิ่งเหล่านี้จะค่อยๆ ดูดพลังงานจากแบตเตอรี่จนแรงดันไฟลดลงเรื่อยๆ เครื่องยนต์ก็จะสตาร์ตไม่ติดในที่สุด

ในบางกรณี หากปล่อยจอดในที่อากาศร้อนจัดหรือเย็นจัดเกินไป ก็ยิ่งเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น เพราะอุณหภูมิมีผลโดยตรงต่อสารเคมีภายในแบต

2. ยางเสียรูป

อาการ : ขับรถออกมาแล้วรู้สึกว่ารถสั่นหรือกระตุก โดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ–ปานกลาง พวงมาลัยมีอาการสะเทือนเล็กน้อย และบางครั้งได้ยินเสียงกึกกักหรือครืดๆ คล้ายยางไม่กลม หากปล่อยไว้นาน อาการนี้อาจรุนแรงจนรู้สึกได้ตลอดการขับขี่

สาเหตุ : เมื่อตัวรถถูกจอดนิ่งอยู่ในจุดเดิมเป็นเวลานาน น้ำหนักรถทั้งหมดจะกดลงบนพื้นที่สัมผัสของยางด้านล่างตลอดเวลา ทำให้เนื้อยางบริเวณนั้นเสียรูปทรงและแข็งตัวจนไม่สามารถคืนรูปได้ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะยางที่แรงดันลมต่ำกว่ามาตรฐาน

3. สนิมตามตัวถังและช่วงล่าง

อาการ : พบจุดสีน้ำตาลเล็กๆ ตามขอบประตู ขอบฝากระโปรง ใต้ท้องรถ หรือบริเวณคิ้วล้อ บางจุดอาจเริ่มเป็นเพียงฝุ่นสนิม แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน จะค่อยๆ ลุกลามจนกลายเป็นคราบหนา ลอกสีรถ หรือกัดกินโลหะจนเป็นรู โดยเฉพาะบริเวณใต้รถและแนวขอบที่โดนน้ำหรือโคลนบ่อย
 

สาเหตุ : ความชื้น ฝุ่นละออง และคราบน้ำฝนที่ค้างอยู่บนผิวโลหะ คือตัวการสำคัญของการเกิดสนิม เมื่อรถจอดนิ่งนานโดยไม่ได้ล้างหรือเช็ดให้แห้ง ความชื้นเหล่านี้จะค่อยๆ ซึมเข้าสู่ชั้นสีและผิวโลหะ ยิ่งถ้าจอดในที่อับ ไม่โดนลม หรือมีน้ำขัง ความชื้นจะสะสมมากขึ้นทำให้เหล็กเปลี่ยนเป็นสนิมสีน้ำตาล

 

เช็กลิสต์ดูแลรถจอดนาน

1. สตาร์ทรถสัปดาห์ละกี่ครั้งดี?

เพื่อให้เครื่องยนต์และแบตเตอรี่ยังคงสภาพดี ควรสตาร์ทรถสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 10–15 นาที โดยเปิดแอร์และไฟหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ระบบไฟฟ้าและแบตทำงานหมุนเวียน

หากสามารถขับวนในที่ปลอดภัยสัก 5–10 นาที จะช่วยให้น้ำมันเครื่องไหลเวียนทั่วระบบและลดความชื้นในท่อไอเสีย

2. เติมลมยางเท่าไหร่เมื่อรู้ว่าจะจอดยาว

เมื่อรู้ล่วงหน้าว่าจะจอดนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรเติมลมยางสูงกว่าค่ามาตรฐาน 2–3 PSI เพื่อลดการแบนของยางจากแรงกดทับต่อเนื่อง

ตัวอย่าง : ถ้าคู่มือแนะนำ 32 PSI  เติมสัก 34–35 PSI และหากต้องจอดยาวหลายเดือน แนะนำใช้ที่รองยางหรือขาตั้งล้อช่วยยกน้ำหนักบางส่วนออกจากยาง

3. ขับเคลื่อนรถเล็กน้อยเพื่อให้ระบบยังทำงาน

อย่าปล่อยให้รถจอดนิ่งเกินไป ควรขยับรถไปข้างหน้า–ถอยหลังเล็กน้อยทุก 1–2 สัปดาห์ ช่วยให้ยางเปลี่ยนจุดสัมผัสพื้น, จานเบรกไม่ขึ้นสนิม และน้ำมันเครื่องหมุนเวียนทั่ว 

ถ้ามีพื้นที่พอ ขับวนรอบบ้านหรือในลานจอดสั้นๆ ก็ช่วยได้มาก

4. ใช้ตัวดูดความชื้นป้องกันกลิ่นในรถ

รถที่ปิดทึบและจอดนานจะเกิดความชื้นสะสม ทำให้กลิ่นอับและเชื้อราตามเบาะหรือพรม แนะนำให้ใช้ ถ่านไม้ไผ่ดูดกลิ่น, ซิลิก้าเจล, ถุงดูดความชื้นแบบรีฟิลได้

อย่าวางของเหลวในรถ (น้ำหอม น้ำดื่ม) เพราะอาจระเหยหรือรั่วซึมจนเกิดคราบ

5. ตรวจห้องเครื่องไม่ให้มีหนูเข้ามา

หนูมักชอบห้องเครื่องที่อุ่นและเงียบ ใช้เวลาสร้างรังไม่นาน ควรเปิดฝากระโปรงตรวจดูเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงที่รถไม่ได้ใช้งานหลายวัน ใช้สเปรย์สมุนไพรหรือเจลไล่หนู, ลูกเหม็นแบบไม่มีกลิ่นแรง และหมั่นส่องดูรอยขี้หนูหรือเศษวัสดุแปลกๆ บริเวณใต้ฝากระโปรง

6. ล้าง–เคลือบสี เพื่อลดคราบกัดสีรถ

แม้จอดในที่ร่ม แต่ฝุ่น ความชื้น หรือยางไม้ สามารถทำลายผิวสีรถได้ ก่อนจอดยาวควร ล้างรถให้สะอาด เคลือบสีหรือแว็กซ์ เพื่อป้องกันคราบฝังแน่น หลังล้างรถต้องแห้งสนิทโดยเฉพาะใต้คิ้วประตู ช่องเก็บยางอะไหล่ เพื่อป้องกันสนิม

7. ตรวจเช็กก่อนนำรถกลับมาใช้งานบนถนน

ก่อนออกเดินทางอีกครั้ง อย่าลืมวอร์มอัพรถและตรวจเช็กจุดสำคัญ

  • สตาร์ตรถดูว่าแบตยังดีอยู่ไหม
  • ตรวจลมยางและรอยรั่ว
  • เช็กน้ำมันเครื่องและระดับน้ำในหม้อน้ำ
  • เหยียบเบรกดูแรงต้านและเสียงผิดปกติ
  • ฟังเสียงขณะขับ ถ้ามีเสียงสั่นหรือสะดุด ให้รีบตรวจทันที

หากจอดเกิน 6 เดือน ควรเข้าศูนย์เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและตรวจของเหลวทั้งหมดก่อนใช้งาน

 

มีประกันรถยนต์ไว้ อุ่นใจกว่า แม้จะขับน้อยก็ตาม

แม้จะขับรถน้อย จอดบ่อย แต่ความเสี่ยงไม่ได้หายไปไหน ดังนั้นนอกจากการดูแลรถให้พร้อมใช้งานเสมอแล้ว การมีประกันรถยนต์ดีๆ สักกรมธรรม์ก็เป็นอีกเกราะป้องกันที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินได้อย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ขับรถน้อย ทิพยประกันภัยมีทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่าง

ประกันรถยนต์ TIP อัพทูไมล์ ที่คิดค่าเบี้ยตามการใช้งานจริง ให้คุณจ่ายแบบยืดหยุ่นตามจำนวนกิโลเมตรที่ขับจริง แต่ยังคงความคุ้มครองครบถ้วน ทั้งอุบัติเหตุ รถหาย หรือไฟไหม้ ไม่ต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ทั่วไป เหมาะกับคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถทุกวัน แต่ก็ยังอยากอุ่นใจทุกครั้งที่ต้องเดินทาง ยิ่งขับน้อย ยิ่งจ่ายน้อย แต่ความคุ้มครองยังจัดเต็มทุกเส้นทาง สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736  

#Tag: