มอไซค์เฉี่ยวชนหนีหาย ไม่มีคู่กรณี ประกันชั้นไหนช่วยคุณได้
12 มิถุนายน 2025
ผู้ชม: 8 คน

มอไซค์เฉี่ยวชนหนีหาย ไม่มีคู่กรณี ประกันชั้นไหนช่วยคุณได้


ขับรถดีแค่ไหนก็ไม่ได้แปลว่าจะรอดพ้นจากอุบัติเหตุได้เสมอ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไวเกินกว่าจะตั้งตัว อย่างรถจักรยานยนต์พุ่งมาเฉี่ยวชนรถคุณ ทิ้งรอยขูด รอยบุบ เสียหายหนัก แล้วหนีหายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่คุณไม่รู้แม้แต่ทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุ

เหตุการณ์เฉี่ยวชนแล้วหนีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คิด และหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทให้ความคุ้มครองแตกต่างกันอย่างไร ประกันชั้นไหนที่ช่วยคุณได้?

TIPINSURE พามาทำความเข้าใจในสถานการณ์นี้ ประกันรถยนต์ชั้นไหนที่สามารถช่วยได้ ระหว่างประกันชั้น 1, 2+, 3+ หรือชั้นอื่นๆ รวมถึงแนวทางรับมือเมื่อเจอเหตุการณ์เฉี่ยวชนแล้วหนี เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมและไม่ต้องควักกระเป๋าเองโดยไม่จำเป็น

 

อุบัติเหตุแบบ ไม่มีคู่กรณี คืออะไร?

เหตุการณ์ที่รถของคุณได้รับความเสียหายจากการชนหรือเฉี่ยวชน แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน เช่น ไม่รู้ว่ารถคู่กรณีเป็นใคร ไม่เห็นทะเบียน ไม่มีภาพจากกล้อง ไม่มีพยาน หรืออีกฝ่ายชนแล้วหลบหนีไป โดยไม่แสดงตัวและไม่รับผิดชอบ

เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นในรูปแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว เช่น

  • จอดรถไว้แล้วกลับมาพบรอยชน
  • มอเตอร์ไซค์เฉี่ยวรถแล้วหนี
  • รถอีกคันชนท้ายแล้วเร่งเครื่องหนีหายไป

เมื่อไม่มีข้อมูลของคู่กรณี การเคลมประกันจะต้องพิจารณาเป็น อุบัติเหตุไม่มีคู่กรณี ซึ่งบางประเภทของประกันอาจไม่คุ้มครอง หรือมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น ต้องมีหลักฐานหรือกล้องหน้ารถ เพื่อไม่ให้ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมด

การเข้าใจประเภทของอุบัติเหตุเช่นนี้จึงสำคัญมาก โดยเฉพาะในการเลือกประเภทประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุม

 

ชนแล้วหนีมีโทษหนัก?

เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ผู้ขับขี่มีหน้าที่ต้องหยุดรถทันที ให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตามสมควร และแสดงตัวเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แต่หากเลือกหลบหนีไม่หยุดรถ ไม่แสดงตัว และไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หากถูกจับได้ โทษที่รออยู่หนักกว่าที่คิด โดยเฉพาะกรณีมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้กระทำผิดอาจต้องรับโทษทั้งจำคุกและปรับ รวมถึงถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในภายหลัง

โทษตามกฎหมายจราจรและกฎหมายอาญา ดังนี้

  1. ความผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78 : ชนแล้วหนี ไม่แสดงตัว ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ผู้ขับขี่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจราจร แล้ว ไม่หยุดรถ ไม่ให้ความช่วยเหลือ และไม่แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ทันที ถือว่ามีความผิด
    โทษ : จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  2. ความผิดทาง กฎหมายอาญา (หากมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต) ถ้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และผู้ขับขี่หลบหนี อาจถูกตั้งข้อหา กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย / เสียชีวิต ถ้าหลบหนีโดยไม่ให้การช่วยเหลือ อาจมีข้อหาละเว้นการช่วยเหลือผู้อื่นที่อยู่ในภาวะอันตราย
    โทษ : จำคุกหลายปี โดยขึ้นอยู่กับผลของอุบัติเหตุ
  3. ความรับผิดทางแพ่ง ผู้ก่อเหตุยังต้อง ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด แก่เจ้าของรถยนต์ที่ถูกชน ทั้งค่าซ่อมรถ ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ และอื่นๆ หากไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าของรถสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายผ่านศาลแพ่งได้

 

ประกันรถยนต์ประเภทไหนคุ้มครองแบบไม่มีคู่กรณี

ประกันรถยนต์ชั้น 1  คุ้มครองครอบคลุมที่สุด

ประกันรถยนต์ชั้น 1 คือรูปแบบที่ให้ความคุ้มครองครบถ้วนที่สุด ไม่ว่าคุณจะชนกับรถอื่น มีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม หรือแม้แต่เกิดอุบัติเหตุรถเสียหายจากการถอยชน เสา ต้นไม้ หรือถูกเฉี่ยวชนแล้วหนี ก็สามารถเคลมได้ แต่ต้องระวังว่าหากไม่มีหลักฐานว่าถูกเฉี่ยวชน อาจถูกพิจารณาเป็น เคลมไม่มีคู่กรณีผิด ซึ่งอาจทำให้เสียประวัติการเคลม หรือเบี้ยประกันปีถัดไปเพิ่มขึ้นได้

ประกันชั้น 2+ และ 3+ ต้องมีคู่กรณีชัดเจนเท่านั้น

แม้ว่าประกันชั้น 2+ และ 3+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีรถชนรถ แต่ต้องมีคู่กรณีชัดเจนและสามารถระบุได้ เช่น มีทะเบียน มีชื่อผู้ขับขี่ หรือมีหลักฐานระบุตัวรถที่เกี่ยวข้องได้ หากถูกชนแล้วหนี และไม่สามารถระบุข้อมูลของคู่กรณีได้ ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถของคุณ

ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี

ประกันชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่คุณก่อให้ผู้อื่น เช่น ค่าซ่อมรถคู่กรณี หรือค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บ แต่ไม่คุ้มครองรถของคุณเองไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม

ดังนั้น หากคุณถูกรถชนแล้วหนี รถของคุณเสียหาย และมีแค่ประกันชั้น 3 คุณต้องจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด

 

เงื่อนไขสำคัญของการเคลมกรณีไม่มีคู่กรณี

การเคลมแบบไม่มีคู่กรณีไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ต้องมีหลักฐาน และทำตามขั้นตอนอย่างครบถ้วน เพื่อให้บริษัทประกันสามารถพิจารณาความคุ้มครองได้อย่างถูกต้อง และไม่กระทบต่อประวัติของคุณในอนาคต

1. ต้องมีหลักฐานชัดเจน

บริษัทประกันจะพิจารณาการเคลมจากหลักฐานที่ผู้เอาประกันสามารถแสดงได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดอุบัติเหตุ, ภาพถ่ายที่แสดงร่องรอยความเสียหายอย่างชัดเจน, ภาพประกอบที่สอดคล้องกับคำชี้แจงที่ให้ไว้ รวมถึงพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์และสามารถยืนยันได้ 

ยิ่งคุณมีหลักฐานครบถ้วนชัดเจนมากเท่าไร โอกาสในการเคลมผ่านก็ยิ่งสูงขึ้น และลดความเสี่ยงที่จะถูกตีเป็นเคลมผิด ซึ่งอาจส่งผลต่อเบี้ยประกันในอนาคตได้

2. ต้องแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลคู่กรณี การแจ้งความถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะจะใช้ใบแจ้งความเป็นเอกสารประกอบการเคลม เพื่อยืนยันว่าเกิดเหตุเฉี่ยวชนจริง แม้ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด

3. เสี่ยงต่อการถูก ตีเป็นเคลมผิด

หากไม่มีคู่กรณีและไม่มีหลักฐานมากพอ บริษัทประกันอาจพิจารณาเหตุการณ์นั้นเป็น เคลมไม่มีคู่กรณีผิด หรือในบางกรณีอาจมองว่าเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่เอง

 

เลือกประกันรถยนต์อย่างไรให้พร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝัน

แม้คุณขับขี่อย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่มีใครควบคุมความประมาทของคนอื่นได้ การมีประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมและเหมาะสมจึงเป็นเกราะป้องกันความเสียหายทั้งทางร่างกาย ทรัพย์สิน และค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว 

หลายคนอาจลังเลเพราะค่าเบี้ยของประกันชั้น 1 สูงกว่าประเภทอื่น แต่เมื่อเทียบกับ ค่าใช้จ่ายจากการซ่อมรถ ความยุ่งยากในการเจรจา หรือการฟ้องร้องกรณีไม่มีคู่กรณี การลงทุนในประกันที่คุ้มครองรอบด้าน ย่อมให้ความอุ่นใจระยะยาวมากกว่า

 

เลือกประกันรถยนต์ที่มั่นใจได้กับทิพยประกันภัย

TIPINSURE ให้คุณมั่นใจในทุกเส้นทาง ด้วยแผนประกันภัยรถยนต์ที่ออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้รถจริง ครอบคลุมแม้ไม่มีคู่กรณี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. คุ้มครองน้ำท่วม รถหาย ไฟไหม้ พร้อมให้เลือกผ่อน 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน  สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736 

#Tag: