ทำไมรถดัดแปลงถึงเคลมยาก? สิ่งที่คนชอบแต่งรถต้องระวัง
หลงใหลการแต่งรถ เติมสไตล์ให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเปลี่ยนล้อ โหลดเตี้ย ยกสูง ติดเทอร์โบ หรือใส่ของเล่นใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความแรงและความสวยงาม แต่รู้หรือไม่? การดัดแปลงรถเหล่านี้อาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การเคลมประกันอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด
TIPINSURE พาคุณไปเจาะลึกว่าทำไม รถดัดแปลง ถึงกลายเป็นปัญหาใหญ่เวลาเคลมประกัน และสิ่งที่คนรักการแต่งรถต้องระวังไว้ให้ดี ถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์ที่ทั้งเสียรถ เสียเงิน
ทำไมรถดัดแปลงถึงเคลมยาก? สิ่งที่คนชอบแต่งรถต้องระวัง
1. รถดัดแปลงไม่ตรงตามมาตรฐานโรงงาน
รถยนต์ทุกคันถูกออกแบบและทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยจากโรงงาน เช่น ระบบเบรก ช่วงล่าง และโครงสร้างตัวถัง แต่เมื่อมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหลัก ไม่ว่าจะเป็น
- โหลดเตี้ย ยกสูง
- เปลี่ยนล้อ/ยางขนาดใหญ่เกินกำหนด
- ติดตั้งเครื่องยนต์/เทอร์โบที่แรงกว่ามาตรฐาน
สิ่งเหล่านี้ทำให้รถไม่ตรงตามมาตรฐานเดิม ความเสียหายอาจเกิดจากการดัดแปลง ไม่ใช่การใช้งานปกติ
2. การเคลมอาจถูกปฏิเสธหรือจ่ายไม่เต็มจำนวน
เมื่อรถแต่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะตรวจสอบละเอียดกว่าปกติ หากพบว่าอุปกรณ์ดัดแปลงมีผลต่อความเสียหาย เช่น
- โหลดเตี้ยแล้วชนขอบฟุตบาท จนช่วงล่างพัง
- ติดเครื่องแรงแล้วเกิดอุบัติเหตุเพราะบังคับรถไม่อยู่
- เปลี่ยนยาง oversize แล้วทำให้ระบบเบรกไม่สมดุล
กรณีเหล่านี้อาจส่งผลให้ บริษัทปฏิเสธการเคลม หรือ จ่ายค่าสินไหมบางส่วน เพราะมองว่าเป็นความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันสร้างขึ้นเอง
3. ผลทางกฎหมายและเอกสารจดทะเบียน
รถดัดแปลงหลายคันไม่ได้แจ้งแก้ไขต่อกรมการขนส่งทางบก เช่น การเปลี่ยนเครื่องยนต์หรือแปลงโครงสร้าง หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้น นอกจากจะเคลมประกันยากแล้ว เจ้าของรถยังเสี่ยง ผิดกฎหมายจราจรและทะเบียนรถ อีกด้วย
การดัดแปลงรถยนต์ที่ต้องขออนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก
1. การเปลี่ยนสีทั้งคัน
หากมีการ เปลี่ยนสีรถทั้งคัน เช่น จากสีดำเป็นสีขาว หรือจากสีเดิมเป็นสีพิเศษ ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบกภายใน 7 วันนับจากวันที่เปลี่ยนสีเสร็จ ต้องนำรถไปตรวจสภาพ พร้อมเอกสาร เช่น เล่มทะเบียนรถ และหลักฐานการเป็นเจ้าของ
หากไม่แจ้ง อาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และยังส่งผลต่อความถูกต้องของเอกสารทางกฎหมาย เช่น การโอนรถ หรือการเคลมประกันที่อาจถูกตรวจสอบว่ารถกับเอกสารไม่ตรงกัน
แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนบางส่วนเล็กน้อย เช่น ฝากระโปรง หรือทำสติกเกอร์ ไม่จำเป็นต้องแจ้ง
2. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตัวถัง
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตัวถัง เช่น การดัดแปลงรถเก๋งให้เป็นรถกระบะ ทำเป็นรถโดยสาร ต่อเติมหลังคา ตัดหรือเสริมโครงสร้าง รวมถึงการเปลี่ยนจุดยึดต่างๆ ถือเป็นการแก้ไขใหญ่ที่ส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของรถทุกคันที่ใช้งานบนถนน ควรนำรถไปตรวจสอบที่กรมการขนส่งทางบก เพื่อยืนยันว่าการดัดแปลงมีมาตรฐาน ไม่กระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงและการทรงตัวของรถ และเมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วจึงจะแก้ไขข้อมูลในเล่มทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
3. การเปลี่ยนหรือดัดแปลงเครื่องยนต์
การเปลี่ยนหรือดัดแปลงเครื่องยนต์ เป็นการแก้ไขที่สำคัญและมีผลต่อการใช้งานรถโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ที่มีขนาดหรือกำลังต่างจากเดิม รวมไปถึงการเปลี่ยนชนิดเครื่องยนต์ เช่น จากเบนซินเป็นดีเซล หรือปรับไปใช้ระบบไฮบริดและไฟฟ้า (EV Conversion) การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบก เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและแก้ไขข้อมูลในเล่มทะเบียนให้ตรงกับสภาพจริง
4. การยกสูง / โหลดเตี้ยเกินกำหนด
การเปลี่ยนแปลงระบบรองรับน้ำหนักและช่วงล่าง เช่น การยกสูงหรือโหลดเตี้ยเกินกว่าที่โรงงานกำหนด รวมถึงการเปลี่ยนแหนบ สปริง หรือระบบกันสะเทือนใหม่ ถือเป็นการดัดแปลงที่กระทบต่อการทรงตัว การเบรก และความปลอดภัยโดยตรง ดังนั้นต้องนำรถไปตรวจสอบที่กรมการขนส่งทางบกเพื่อยืนยันมาตรฐานความปลอดภัย
5. การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ควบคุมหลัก
การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ควบคุมหลัก เป็นการดัดแปลงที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการมองเห็นบนท้องถนน เช่น การดัดแปลงไฟส่องสว่างหลัก (ไฟหน้า–ไฟท้าย) ให้ผิดไปจากมาตรฐาน การติดตั้งไฟเพิ่มเติมที่อาจรบกวนสายตาผู้ใช้ถนน เช่น ไฟไซเรน ไฟแฟลช หรือไฟกระพริบ (ยกเว้นรถที่กฎหมายอนุญาต เช่น รถพยาบาล รถฉุกเฉิน) รวมถึงการเปลี่ยนระบบไฟฟ้าภายในที่มีผลต่อการควบคุมรถ การดัดแปลงนี้ต้องขออนุญาตและตรวจสอบมาตรฐานจากกรมการขนส่งทางบก
6. การติดตั้งหรือเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง
เป็นการดัดแปลงสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งแก๊ส LPG/NGV ใหม่ การเปลี่ยนถังหรืออุปกรณ์ รวมถึงการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่น เช่น E85 หรือแปลงเป็นรถไฟฟ้า (EV Conversion) การดำเนินการเหล่านี้ต้องทำโดย อู่ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และหลังติดตั้งทุกครั้งต้องนำรถไปตรวจสภาพและบันทึกข้อมูลใหม่ในเล่มทะเบียน หากไม่แจ้งแก้ไข เจ้าของรถอาจถูกปรับตามกฎหมาย และที่สำคัญคืออาจไม่สามารถเคลมประกันภัย หากเกิดเหตุเพลิงไหม้หรืออุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับระบบเชื้อเพลิง
สิ่งที่คนแต่งรถควรทำ
การแต่งรถไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าอยากแต่งแล้วสบายใจ ไม่เสี่ยงปัญหากับบริษัทประกัน ต้องมีการวางแผนและทำตามขั้นตอนเหล่านี้
1. แจ้งบริษัทประกันก่อนดัดแปลง
- ก่อนจะติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ควรสอบถามบริษัทประกันโดยตรงว่า คุ้มครองหรือไม่ เพราะบางบริษัทรับคุ้มครองเฉพาะการแต่งเล็กน้อย เช่น เปลี่ยนล้อ, สเกิร์ต, สปอยเลอร์ แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนเครื่องยนต์หรือช่วงล่าง อาจไม่คุ้มครอง
- ควรทำเป็น หลักฐานการแจ้งล่วงหน้า เช่น อีเมลหรือเอกสารยืนยัน เพื่อป้องกันการปฏิเสธการเคลมในอนาคต
2. เก็บหลักฐานและใบเสร็จการติดตั้ง
- การใช้ชิ้นส่วนแต่งรถที่มีมาตรฐาน (มี มอก. หรือได้รับการรับรองจากผู้ผลิต) จะช่วยยืนยันว่ารถคุณยังปลอดภัย
- ใบเสร็จและรูปถ่ายการติดตั้งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ หากมีการตรวจสอบจากบริษัทประกัน
- ควรเลือกอู่หรือศูนย์ติดตั้งที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะหากเกิดความเสียหายจากการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจถูกตีความว่าความเสียหายเกิดจากผู้เอาประกันเอง
3. แจ้งแก้ไขทะเบียนรถกับกรมการขนส่ง
- หากมีการดัดแปลงใหญ่ เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์, เปลี่ยนระบบเบรก, ยกสูงหรือตัดโครงสร้าง ต้องนำรถไปตรวจสภาพและแก้ไขข้อมูลทะเบียน
- การไม่แจ้งแก้ไขอาจทำให้ ทะเบียนรถไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นอีกเหตุผลที่ประกันปฏิเสธการเคลมได้
- นอกจากนี้ หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง การไม่มีการแจ้งแก้ไขต่อขนส่ง อาจมีผลต่อการดำเนินคดีทางกฎหมาย
4. เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับรถแต่ง
- มีบริษัทประกันบางแห่งที่รับคุ้มครองรถแต่งโดยเฉพาะ แต่ค่าเบี้ยอาจสูงกว่าปกติ เพราะมีความเสี่ยงมากขึ้น
- ก่อนซื้อกรมธรรม์ ควรสอบถามให้ชัดเจนว่า อุปกรณ์แต่งที่ติดตั้งแล้วคุ้มครองหรือไม่
- หากเป็นรถแต่งเต็มรูปแบบ ควรเลือกกรมธรรม์ที่มีความยืดหยุ่น เช่น สามารถระบุรายการอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมจริง
การแต่งรถเป็นความสุขของหลายคน แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่อง การเคลมประกัน เพราะถ้ารถคุณดัดแปลงโดยไม่แจ้งบริษัทหรือขนส่ง อาจทำให้การคุ้มครองหมดสิทธิ์ไปทันที
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากแต่งรถให้สนุกแบบสบายใจ ต้องศึกษาเงื่อนไขประกันให้ชัดเจน และเลือกประกันภัยรถยนต์ที่น่าเชื่อถือ อย่างทิพยประกันภัย ที่มีแผนประกันครอบคลุมหลายรูปแบบ ให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเคลม สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736