ทุพพลภาพคืออะไร มีกี่ประเภท พร้อมแนะนำสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ
คำว่า ทุพพลภาพ เป็นคำที่หลายคนอาจเคยได้ยินจนคุ้นหู แต่อาจยังมีความสับสนระหว่างความหมายทั่วไปที่เข้าใจกันว่าคือคนพิการตามกฎหมาย กับความหมายในกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งมีความหมายเฉพาะเจาะจงและส่งผลโดยตรงต่อการพิจารณาเคลมประกันอย่างมาก วันนี้ TIPINSURE ในฐานะเพื่อนคู่คิดด้านประกันภัย จะพาไปทำความเข้าใจความหมายของคำว่าทุพพลภาพในมุมมองของประกันภัยให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณไม่พลาดสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับ
ทุพพลภาพ คืออะไร?
ทุพพลภาพ (Disability) คือ ความพิการที่ไม่ได้หมายถึงการมีอวัยวะไม่สมบูรณ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งคำว่าทุพพลภาพในมุมของประกันภัยนี้จะเน้นไปที่ การสูญเสียความสามารถในการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเดิมหรืออาชีพอื่นใดก็ตาม อันเป็นผลมาจากการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลองเปรียบเทียบกับคำว่า ผู้พิการ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ซึ่งหมายถึงบุคคลที่มีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือการเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคม เนื่องจากมีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญา การเรียนรู้ หรือความบกพร่องอื่นใด
ดังนั้น การมีบัตรประจำตัวคนพิการจึงไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเคลมประกันในภาวะทุพพลภาพได้เสมอไป เพราะบริษัทประกันจะพิจารณาจากความสามารถในการทำงานเป็นหลัก ไม่ใช่แค่สถานะทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นข้อแตกต่างสำคัญที่ผู้ทำประกันทุกคนควรทราบ
ประเภทของการทุพพลภาพมีกี่แบบ อะไรบ้าง?
เพื่อให้การพิจารณาจ่ายผลประโยชน์เป็นไปตามมาตรฐานและยุติธรรม บริษัทประกันภัยจึงได้แบ่งภาวะทุพพลภาพออกเป็น 4 รูปแบบหลัก ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีความคุ้มครองและเงื่อนไขการจ่ายสินไหมทดแทนที่แตกต่างกันออกไป
1. การทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร (Total Permanent Disability - TPD)
ทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร คือ ภาวะที่ผู้เอาประกันไม่สามารถประกอบอาชีพที่เคยทำ หรืออาชีพอื่นใดๆ เพื่อรับค่าตอบแทนหรือผลกำไรได้อีกต่อไปอย่างถาวรสิ้นเชิง หรือหมายถึงการสูญเสียอวัยวะสำคัญตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ เช่น การสูญเสียมือ 2 ข้าง, เท้า 2 ข้าง, หรือสายตาทั้ง 2 ข้าง โดยแพทย์ได้วินิจฉัยและลงความเห็นแล้วว่าจะไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้
ตัวอย่าง ศัลยแพทย์ประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนมือทั้งสองข้างไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป หรือสถาปนิกที่สูญเสียการมองเห็นทั้งหมดจากอาการป่วย ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพเดิมหรืออาชีพอื่นใดได้อีก
ความสำคัญ ภาวะนี้ถือเป็นระดับความรุนแรงสูงสุด เป็นความคุ้มครองหลักที่พบได้ในสัญญาประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล โดยส่วนใหญ่มักจะจ่ายผลประโยชน์ให้ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เพื่อให้ผู้เอาประกันนำเงินก้อนนี้ไปใช้ในการดำรงชีพต่อไป
2. การทุพพลภาพสิ้นเชิงชั่วคราว (Total Temporary Disability - TTD)
ทุพพลภาพสิ้นเชิงชั่วคราว คือ ภาวะที่ผู้เอาประกันไม่สามารถประกอบอาชีพของตนเองหรืออาชีพใดๆ ได้ทั้งหมด แต่เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยมีโอกาสที่จะรักษาและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาทำงานได้อีกครั้งในอนาคต
ตัวอย่าง พนักงานออฟฟิศประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้กระดูกสันหลังร้าว ต้องนอนโรงพยาบาลและพักฟื้นตามคำสั่งแพทย์เป็นเวลา 8 เดือนเต็ม ซึ่งในช่วงเวลานั้นไม่สามารถเดินทางไปทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ได้เลย
ความสำคัญ ความคุ้มครองลักษณะนี้มักจะอยู่ในรูปแบบของผลประโยชน์ชดเชยรายได้ในกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุหรือประกันสุขภาพแบบมีเงินชดเชย โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามระยะเวลาที่ผู้เอาประกันไม่สามารถทำงานได้จริงตามที่ระบุในสัญญา
3. การทุพพลภาพบางส่วนถาวร (Partial Permanent Disability - PPD)
ทุพพลภาพบางส่วนถาวร หมายถึง การสูญเสียอวัยวะหรือความสามารถในการทำงานของอวัยวะนั้นไปบางส่วนและเป็นการสูญเสียอย่างถาวร แต่ผู้เอาประกันยังคงสามารถทำงานหรือประกอบอาชีพอื่นเพื่อสร้างรายได้ได้อยู่
ตัวอย่าง เชฟที่สูญเสียนิ้วชี้ข้างหนึ่งไปอย่างถาวร ทำให้ความสามารถในการทำอาหารลดลง แต่ยังสามารถปรับตัวไปทำงานอื่นในครัวหรือเป็นที่ปรึกษาได้ หรือนักดนตรีที่สูญเสียการได้ยินของหูข้างหนึ่งไปอย่างถาวร
ความสำคัญ การจ่ายผลประโยชน์สำหรับภาวะทุพพลภาพประเภทนี้จะจ่ายตามสัดส่วนของความสูญเสียที่ระบุไว้ในตารางผลประโยชน์ (Table of Benefits) ของกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามความสำคัญของอวัยวะที่สูญเสีย
4. การทุพพลภาพบางส่วนชั่วคราว (Partial Temporary Disability - PTD)
ทุพพลภาพบางส่วนชั่วคราว คือ การได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ผู้เอาประกันไม่สามารถทำงานที่ทำอยู่เป็นประจำได้เต็มที่เหมือนเดิม หรือทำงานได้เพียงบางส่วนและเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ตัวอย่าง นักกีฬาเทนนิสที่มีอาการเอ็นข้อมืออักเสบ ทำให้ไม่สามารถลงแข่งขันหรือฝึกซ้อมหนักได้เป็นเวลา 3 เดือน แต่ยังสามารถทำกายภาพบำบัดและทำงานเบาๆ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ เช่น การวิเคราะห์เกมการแข่งขัน
ความสำคัญ เช่นเดียวกับ TTD ความคุ้มครองนี้มักพบในประกันชดเชยรายได้ ซึ่งจะจ่ายผลประโยชน์ให้ตามสัดส่วนของความสามารถในการทำงานที่ลดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ความแตกต่างระหว่าง ทุพพลภาพถาวรและชั่วคราว
หัวใจสำคัญที่ใช้แยกภาวะทุพพลภาพแบบถาวรและชั่วคราว คือโอกาสในการฟื้นตัวตามการวินิจฉัยของแพทย์ หากแพทย์ลงความเห็นว่าการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยนั้นไม่สามารถรักษาให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้ จะถือว่าเป็นถาวร แต่หากยังมีโอกาสหายและกลับไปทำงานได้อีกครั้ง จะถือว่าเป็นชั่วคราว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ หากนักบินสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร จะถือเป็นการทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร แต่ถ้าหากนักบินกระดูกขาหักจากการเล่นกีฬาและต้องพักฟื้น 6 เดือน กรณีนี้จะถือเป็นทุพพลภาพสิ้นเชิงชั่วคราว เพราะเมื่อหายดีแล้วก็สามารถกลับไปทำอาชีพนักบินได้เหมือนเดิม
ตารางสรุปประเภทของการทุพพลภาพ
ประเภท | ลักษณะสำคัญ | ความถาวร/ชั่วคราว | ตัวอย่าง |
ทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร | ไม่สามารถทำงานใดๆ ได้อีกเลย | ถาวร | ตาบอดสนิท, อัมพาต |
ทุพพลภาพสิ้นเชิงชั่วคราว | ไม่สามารถทำงานใดๆ ได้ | ชั่วคราว | กระดูกหักต้องนอนพักฟื้น 6 เดือน |
ทุพพลภาพบางส่วนถาวร | สูญเสียอวัยวะ แต่ยังทำงานอื่นได้ | ถาวร | สูญเสียนิ้วมือ 1 นิ้ว |
ทุพพลภาพบางส่วนชั่วคราว | ทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม | ชั่วคราว | นักกีฬาเอ็นข้อมืออักเสบ |
สรุปบทความ
การทำความเข้าใจความหมายและประเภทของทุพพลภาพในกรมธรรม์ประกันภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราวางแผนรับมือกับความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันได้อย่างรอบด้าน เพราะคำศัพท์เหล่านี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่พบได้ในประกันภัยหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพ, ประกันอุบัติเหตุ หรือแม้แต่ในสัญญาแนบท้ายของ ประกันรถยนต์ ที่ TIPINSURE ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เราเข้าใจทุกความกังวลและพร้อมให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ครอบคลุม เพื่อให้คุณและครอบครัวใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจในทุกย่างก้าว