หนี้ส่วนต่างรถยนต์อายุความกี่ปี รู้ให้ทันก่อนหนี้เพิ่มไม่รู้ตัว
การมีรถยนต์สักคันเป็นความฝันของใครหลายคน แต่การผ่อนรถก็มาพร้อมเงื่อนไขทางการเงินที่ต้องศึกษาให้ดี เพราะนอกเหนือจากค่างวดในแต่ละเดือนแล้ว ยังมีโอกาสเกิด หนี้ส่วนต่าง ขึ้นได้หากการผ่อนชำระสิ้นสุดลงก่อนกำหนด ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่ แล้วหนี้ส่วนต่างรถยนต์อายุความกี่ปี มีเงื่อนไขอะไรบ้างที่ต้องรู้ วันนี้ TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญมาให้ครบแล้ว เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือและป้องกันปัญหาหนี้สินที่อาจตามมาในอนาคต
หนี้ส่วนต่างรถยนต์คืออะไร
หนี้ส่วนต่างรถยนต์ คือ ยอดหนี้ที่เกิดขึ้นเมื่อผู้เช่าซื้อ (ผู้ซื้อรถ) ไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อไปได้ตามสัญญา ทำให้บริษัทไฟแนนซ์จำเป็นต้องยึดรถและนำไปขายทอดตลาด หากราคาที่ขายได้นั้นต่ำกว่าภาระหนี้ที่ยังคงค้างอยู่กับไฟแนนซ์ ส่วนต่างของจำนวนเงินที่ขาดไปนั้นจะกลายเป็น หนี้ส่วนต่าง ที่ผู้เช่าซื้อยังคงต้องรับผิดชอบชำระคืนให้กับไฟแนนซ์ต่อไปตามกฎหมาย แม้ว่าจะไม่มีรถอยู่ในครอบครองแล้วก็ตาม
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหนี้ส่วนต่างรถยนต์
การเกิดหนี้ส่วนต่างมักมาจากสถานการณ์ที่ผู้ผ่อนไม่สามารถผ่อนต่อได้ไหว ซึ่งมีปัจจัยหลักๆ ที่นำไปสู่ปัญหานี้ ดังนี้
- ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาทางการเงินส่วนบุคคล เช่น การตกงาน, รายได้ลดลง, หรือมีภาระค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถจัดสรรเงินมาผ่อนค่างวดรถได้ตรงตามกำหนด
- ค้างชำระค่างวดติดต่อกัน ตามกฎหมาย หากผู้เช่าซื้อค้างชำระค่างวดรถยนต์ติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไป และได้รับหนังสือแจ้งเตือนให้ชำระหนี้ภายใน 30 วันแล้วยังไม่ดำเนินการ บริษัทไฟแนนซ์มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาและยึดรถได้ทันที
- ราคารถยนต์ตกลงอย่างรวดเร็ว เมื่อรถถูกนำไปขายทอดตลาด ราคาขายมักจะต่ำกว่าราคาในตลาดรถยนต์มือสองทั่วไป และต่ำกว่ายอดหนี้คงค้างที่เหลืออยู่มาก โดยเฉพาะรถยนต์ที่เสื่อมสภาพเร็วหรือได้รับความนิยมน้อยลง
- การนำรถไปคืนไฟแนนซ์เอง หลายคนเข้าใจผิดว่าการนำรถไปคืนที่บริษัทไฟแนนซ์จะทำให้หนี้สิ้นสุดลง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไฟแนนซ์ยังคงนำรถไปขายทอดตลาดและหากเกิดส่วนต่าง ผู้เช่าซื้อก็ยังต้องรับผิดชอบหนี้ก้อนนั้นอยู่ดี
หนี้ส่วนต่างรถยนต์อายุความกี่ปี
ประเด็นสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ หนี้ส่วนต่างรถยนต์อายุความกี่ปี คำตอบตามกฎหมายคือ มีอายุความ 10 ปี ซึ่งถือเป็นอายุความของสัญญาเช่าซื้อทั่วไป โดยการนับอายุความ 10 ปีนี้ จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่บริษัทไฟแนนซ์บอกเลิกสัญญากับผู้เช่าซื้อ ไม่ใช่วันที่นำรถไปขายทอดตลาดหรือวันที่ศาลมีคำพิพากษา
เพื่อให้เข้าใจเงื่อนไขของอายุความมากขึ้น สามารถแยกย่อยได้ดังนี้
- วันเริ่มนับอายุความ จะเริ่มนับในวันที่สัญญาเช่าซื้อถูกบอกเลิกอย่างเป็นทางการ ซึ่งโดยส่วนใหญ่คือวันที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระหนี้ตามเงื่อนไข (เช่น ค้าง 3 งวด และได้รับหนังสือแจ้งเตือนแล้ว 30 วัน)
- การฟ้องร้องของไฟแนนซ์ บริษัทไฟแนนซ์จะต้องยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องให้ผู้เช่าซื้อชำระหนี้ส่วนต่างนี้ภายในระยะเวลา 10 ปี หากยื่นฟ้องหลังจากนั้น คดีจะถือว่าขาดอายุความ
- ผลของการขาดอายุความ หากคดีขาดอายุความแล้ว ผู้เช่าซื้อมีสิทธิ์ยกเรื่องอายุความขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาล เพื่อให้ศาลยกฟ้องได้ ทำให้ไม่ต้องชำระหนี้ก้อนดังกล่าว
ไฟแนนซ์สามารถยึดรถของเราได้ไหม
ตามกฎหมายแล้ว บริษัทไฟแนนซ์ไม่สามารถเข้ามายึดรถของคุณได้ทันทีโดยพลการ การยึดรถจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่างวดติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน และหลังจากนั้นบริษัทไฟแนนซ์ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวเพื่อแจ้งให้ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ทั้งหมดภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน หากผู้เช่าซื้อยังคงเพิกเฉยและไม่ดำเนินการชำระหนี้ตามที่แจ้งไป เมื่อนั้นไฟแนนซ์จึงจะมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาและดำเนินการยึดรถคืนได้ตามกฎหมาย หากมีการพยายามยึดรถโดยไม่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
หากหนี้ส่วนต่างขาดอายุความ หนี้ยังคงอยู่ไหม
แม้ว่าหนี้ส่วนต่างรถยนต์อายุความกำหนดที่ 10 ปี และเมื่อขาดอายุความไปแล้วลูกหนี้จะมีสิทธิ์ไม่ต้องชำระ แต่ในทางกฎหมายแล้ว หนี้ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เจ้าหนี้ (ไฟแนนซ์) หมดสิทธิ์ในการฟ้องร้องบังคับคดีตามกฎหมายเท่านั้น ดังนั้น หากถูกทวงถามหนี้ที่ขาดอายุความไปแล้ว ควรปฏิบัติดังนี้
- อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ตั้งสติและตรวจสอบเอกสารให้ดีว่าหนี้นั้นขาดอายุความไปแล้วจริงหรือไม่ โดยนับจากวันที่สัญญาถูกบอกเลิก
- ไม่แนะนำลงนามในเอกสารรับสภาพหนี้ การเซ็นเอกสารใดๆ ที่เป็นการยอมรับสภาพหนี้ จะเท่ากับเป็นการต่ออายุความออกไปทันที และจะทำให้ไฟแนนซ์สามารถฟ้องร้องคุณได้อีกครั้ง
- แจ้งให้เจ้าหนี้ทราบ หากมั่นใจว่าหนี้ขาดอายุความแล้ว ให้แจ้งกับเจ้าหนี้หรือบริษัททวงหนี้ไปว่าหนี้ดังกล่าวขาดอายุความแล้ว และคุณขอใช้สิทธิ์ปฏิเสธการชำระหนี้
- เตรียมตัวสู้คดี หากเจ้าหนี้ยื่นฟ้องต่อศาล คุณต้องไปตามนัดและยื่นคำให้การต่อสู้ในประเด็นเรื่องการขาดอายุความ เพื่อให้ศาลพิจารณายกฟ้อง
เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มผ่อนไม่ไหวควรทำอย่างไร
สัญญาณของการผ่อนไม่ไหวเป็นเรื่องที่ต้องรีบจัดการ การปล่อยทิ้งไว้นอกจากจะเสียประวัติทางการเงินแล้ว ยังอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินบานปลายได้ ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มมีปัญหา ควรรับมือด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ขอรีไฟแนนซ์รถยนต์ เป็นการขอสินเชื่อก้อนใหม่กับสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อนำเงินมาปิดยอดหนี้เดิม ซึ่งมักจะช่วยให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงและขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง
- เจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ รีบเข้าไปพูดคุยกับบริษัทไฟแนนซ์เดิมเพื่อหาทางออกร่วมกัน เช่น การขอขยายเวลาผ่อนชำระ, การขอลดค่างวดชั่วคราว หรือการพักชำระหนี้ ซึ่งเป็นทางออกที่ดีกว่าการปล่อยให้ค้างชำระ
- ขายดาวน์หรือเปลี่ยนสัญญา หากประเมินแล้วว่าไม่สามารถผ่อนต่อได้อย่างแน่นอน การขายดาวน์ให้ผู้อื่นมาผ่อนต่อ (โดยต้องเปลี่ยนสัญญาผู้เช่าซื้อกับไฟแนนซ์ให้เรียบร้อย) เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากภาระหนี้ได้โดยไม่เสียประวัติ
- ประเมินสถานะทางการเงินของตัวเอง ทบทวนรายรับ-รายจ่ายทั้งหมด เพื่อตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และพยายามหาช่องทางสร้างรายได้เสริมเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
สรุปบทความ
การวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นเจ้าของรถยนต์ การศึกษาเงื่อนไขต่างๆ ในสัญญาเช่าซื้อให้เข้าใจ รวมถึงการตระหนักว่าหนี้ส่วนต่างรถยนต์อายุความกี่ปีและมีเงื่อนไขอย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้ดีขึ้น แต่ถ้าอยากวางแผนเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้ครอบคลุม การมีประกันรถยนต์ที่วางใจได้อย่าง TIPINSURE ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเราพร้อมมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุม เพื่อช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเมื่อภัยมา ไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันรุนแรงแค่ไหน ก็มั่นใจได้ว่ามีเราพร้อมดูแลอยู่เคียงข้างคุณในทุกเส้นทาง