สาระที่ทาสต้องรู้ลูกแมวกินอะไรได้บ้างและห้ามกินอะไรบ้าง
การเลี้ยงแมวไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ง่ายเสมอไป เพราะในการดูแลอุปการะน้องๆ เหล่านี้ถือว่ามีรายละเอียดปลีกย่อยอยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกินถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เหล่าทาสแมวละเลยไม่ได้เลยทีเดียว สำหรับใครที่รับลูกแมวน้อยๆ มาเลี้ยงแต่ยังไม่มีประสบการณ์และกำลังสงสัยว่าลูกแมวกินอะไรได้บ้าง วันนี้ TIPINSURE จะมาแนะนำให้กับเหล่าทาสมือใหม่ได้เข้าใจกันแบบเป็นสเต็ปเริ่มตั้งแต่เดือนแรกจนถึงวัย 6 เดือน
ลูกแมวกินอะไรได้บ้าง
วัยที่ถือว่าเป็นลูกแมวนั้นสามารถเริ่มนับได้ตั้งแต่วัยแรกเกิดไปจนถึงช่วงอายุ 6 เดือน ซึ่งเป็นวัยที่นับว่าเริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ซึ่งในแต่ละช่วงวัยลูกแมวกินอะไรได้บ้างในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ TIPINSURE จะขอแบ่งเป็นช่วงวัยดังต่อไปนี้
อาหารสำหรับลูกแมวแรกเกิด 1-3 สัปดาห์
ลูกแมววัยแรกเกิดเป็นช่วงวัยที่ต้องการนมแม่เป็นอย่างมากเหมือนกันลูกคน เพราะแรกเกิดจะยังไม่มีภูมิคุ้มกันตนเองที่มากพอและสารอาหารที่จำเป็นล้วนอยู่ในนมของแม่แมวทั้งนั้น โดยในกรณีที่ได้รับน้องมาในวัยนี้ซึ่งคงจะเป็นเรื่องยากที่ทาสจะไปตามหาแม่ของน้องได้ ดังนั้นวิธีที่สามารถทดแทนได้คือนมแพะ เป็นนมพาสเจอร์ไรซ์ที่มาจากนมแพะแท้ๆ หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสัตว์และโรงพยาบาลสัตว์ ที่ต้องเป็นนมแพะเนื่องมาจากคุณค่าทางโภชนาการที่มีความใกล้เคียงกับนมของแม่แมวมากที่สุด ข้อสำคัญก็คือห้ามให้ดื่มนมวัวเพราะในนมวัวมีปริมาณแลคโตสที่ไม่เหมาะกับลูกแมว
อาหารสำหรับลูกแมววัย 4-6 สัปดาห์
ถัดมาจะเป็นวัยประมาณ 4-6 สัปดาห์ ลูกแมวจะเริ่มกินนมน้อยลงจนถึงขั้นหย่านมไปเลย จึงเป็นช่วงวัยที่สามารถกินอาหารประเภทต่างๆ ได้มากขึ้น โดยให้เริ่มต้นจากอาหารเปียกสำหรับลูกแมวก่อนเป็นอันดับแรกเพราะมีโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับวัยนี้มากที่สุดช่วยให้พลังงานที่เพียงพอต่อวันและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี สิ่งสำคัญที่ทาสต้องคำนึงก็คือควรแบ่งให้ลูกแมวกินวันละหลายๆ มื้อหน่อย เพราะตัวยังเล็กอยู่จึงกินได้ทีละนิด
อาหารสำหรับลูกแมววัย 6-12 (3 เดือน) สัปดาห์
วัยประมาณ 6-12 สัปดาห์น้องแมวเริ่มโตมากขึ้นทำให้มีแรงพอที่จะขบเคี้ยวอาหารที่แข็งได้แล้ว สามารถให้อาหารเม็ดสูตรลูกแมวสลับกับอาหารเปียกได้ โดยช่วงแรกเราอาจจะต้องให้อาหารเปียกเยอะกว่าอาหารเม็ดจากนั้นจึงค่อยๆ ปรับสูตรเพื่อให้ลูกแมวคุ้นชินและปรับตัวกับการกินอาหารเม็ดได้ตามความเหมาะสม
อาหารสำหรับลูกแมววัย 3 เดือนขึ้นไป (ไม่เกิน 6 เดือน)
สำหรับตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปถือเป็นช่วงวัยที่เริ่มโตเต็มที่ มีพัฒนาการทั้งด้านพละกำลัง ความคล่องตัว และไหวพริบที่มีมากขึ้น ทำให้อาหารการกินก็ต้องปรับสูตรตามไปด้วย โดยสามารถให้อาหารแมวทั่วไปที่มีสารอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น โปรตีน คาร์โบไฮเดต และแร่ธาตุอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เพื่อให้น้องๆ มีภูมิต้านทานร่างกายที่ดีไม่ป่วยง่าย เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและทำให้ขนนุ่มอย่างที่ควรจะเป็น
เทคนิคการให้อาหารลูกแมว
เมื่อคุณรู้แล้วว่าลูกแมวกินอะไรได้บ้างก็ต้องมีเทคนิคในการป้อนอาหารน้องๆ ที่เหมาะสมบ้าง TIPINSURE จะอธิบายง่ายๆ เป็นข้อๆ ดังนี้
- การป้อนนมแพะสำหรับลูกแรกเกิดขอแนะนำให้ใช้ไซริงค์แบบพลาสติกในการป้อน เพื่อช่วยกะปริมาณได้อย่างแม่นยำเพราะลูกแมวแรกเกิดยิ่งกินนมได้ทีละ 1-2 cc. และจะกินได้มาที่สุดปริมาณ 10 cc. เมื่อถึงวัยประมาณ 3 สัปดาห์
- ระวังอย่าป้อนนมให้ลูกแมวเร็วเกินไปเพื่อป้องกันไม่ให้สำลัก ควรป้อนแบบค่อยๆ และคอยสังเกตถ้าหากเริ่มกินช้าลงหมายความว่าน้องเริ่มอิ่มแล้ว
- เมื่อถึงวัยที่ลูกแมวสามารถกินอาหารเม็ดได้แล้ว ช่วงแรกๆ สามารถใส่น้ำอุ่นประมาณ 1/3 ลงไปในอาหารเม็ดเล็กน้อยเพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มมากพอที่จะเคี้ยวได้ง่ายๆ
- สำหรับลูกแล้วที่เริ่มโตแล้วก็จะไหวพริบและมีความช่างเลือกกินในระดับหนึ่ง ดังนั้นเหล่าทาสก็ควรจะต้องมีเทคนิคในการหลอกล่อเล็กน้อยๆ เช่นลักษณะชามอาหารที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับการกินทั้งวัน หาจานรองชามเอาไว้ป้องกันการกินหกเลอะเทอะ
- หลีกเลี่ยงการวางชามอาหารแมวไว้ในมุมอับเพราะน้องแมวจะชอบกินอาหารในที่โล่งๆ หน่อยเพื่อให้น้องๆ มีความสบายใจเวลากินอาหาร
- พยายามวางชามอาหารแมวในตำแหน่งที่หางจากกระบะทรายแมว เพื่อสุขอนามัยที่ดีและป้องกันเชื้อโรคจากสิ่งปฏิกูลต่างๆ
สัญญาณเตือนที่ไม่ดีเมื่อลูกแมวไม่กินอาหาร
สำหรับลูกแมวในวัยที่เริ่มจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้นเหล่าทางก็จะไม่ค่อยกังวลแล้วว่าลูกแมวกินอะไรได้บ้างก็ แต่ก็มีโมเมนต์ที่ลูกแมวเริ่มไม่กินอาหารหรือกินน้อยลงบ้าง พฤติกรรมเหล่านี้สาเหตุที่คุณสามารถแก้ไขได้โดยมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1. เริ่มมีพฤติกรรมเลือกกิน
การเลือกกินของแมวจริงๆ แล้วถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป ซึ่งบางคนอาจมองว่าเป็นนิสัยของแมวที่อาจจะจู้จี้จุกจิกแบบคน แต่ในบางกรณีอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นเพราะมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกกินเพราะมีอาการป่วย ดังนั้นถ้าหากว่าพฤติกรรมการเลือกกินของน้องดูแปลกไปจากความเรื่องมาละก็ ขอแนะนำให้พาน้องไปหาสัตวแพทย์วินิจฉัยจะดีที่สุด
2. อาหารเหลือในชามมากกว่าปกติ
การที่อาหารเหลือในชามนั้นตามปกติอาจจะมาจากความอิ่ม หรืออาจเบื่อกับอาหารรสชาตินี้ แต่ในบางกรณีก็อาจมาจากการป่วยได้เหมือนกัน เพราะบางทีเขาอาจจะไม่ได้เบื่อเฉพาะรสชาติดังนั้นอยากให้เหล่าทาสแมวสังเกตน้องๆ ให้ดี หรือในกรณีที่เลี้ยงแมวเยอะๆ บางครั้งแมวอาจจะต้องการชามส่วนตัวมากกว่าให้ลองแยกชามให้น้องดูอาจจะทำให้แมวของคุณเจริญอาหารได้ตามปกติ
3. เบื่อขนมและเริ่มปฏิเสธขนมที่ให้กิน
ขึ้นชื่อว่าขนมไม่ว่าแมวตัวไหนก็ชอบทั้งนั้น แต่ถ้าเกิดว่าน้องแมวเมินหรือไม่กินขึ้นมาละก็ พฤติกรรมนี้อาจจะมาจากอาการป่วยที่ผิดปกติก็ได้ ดังนั้นควรสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นความร่าเริงและความกระฉับกระเฉง หรือถ้าแมวอ้วกก็ต้องสันนิษฐานแล้วว่าไม่ปกติอย่างแน่นอน
4. ไม่ตื่นเต้นเมื่อมีการเทอาหารลงมาใหม่
โดยปกติแล้วเมื่อมีอาหารเทมาใหม่ๆ ไม่ว่าแมววัยไหนก็จะชอบเพราะมีกลิ่นที่หอมและรู้สึกสดใหม่ แต่ถ้าแมวของคุณไม่รู้สึกตื่นเต้นอันนี้เริ่มเห็นชัดแล้วว่าน่าจะผิดปกติ ดังนั้นก็ควรจะต้องสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ร่วมด้วยเช่นกัน หากรู้สึกว่าน้องดูไม่ค่อยดีก็ควรพาไปหาสัตวแพทย์จะดีที่สุด
สรุปเกี่ยวกับลูกแมวกินอะไรได้บ้างและห้ามกินอะไรบ้าง
ขึ้นชื่อว่าสัตว์เลี้ยงย่อมต้องเป็นที่รักแก่เจ้าของอยู่แล้ว โดยเฉพาะลูกแมวที่ช่วงแรกนั้นอาจจะต้องพิถีพิถันเรื่องการกินให้เป็นพิเศษหน่อย เพราะน้องยังอยู่ในวัยที่ไม่ได้แข็งแรงเทียบเท่าตอนโตเต็มวัย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน กล้ามเนื้อ รวมไปถึงไหวพริบยังสามารถทำได้อย่างเต็มที่ดังนั้นเหล่าทาสแมวมือใหม่ก็จะต้องให้เวลากับน้องๆ มากเป็นพิเศษไปจนกว่าจะถึงวัยที่มีพัฒนาการอย่างเต็มที่
สำหรับใครที่มีความเป็นห่วงกับน้องแมวกลัวว่าจะเจ็บป่วยบ่อยๆ TIP INSURE ก็พร้อมให้บริการด้วยประกันสำหรับแมวจากแพ็จเกจ TIP PET LOVER ประกันสำหรับคนที่รักสัตว์เลี้ยง ให้ความคุ้มครองได้แบบครอบคลุมทั้ง ค่ารักษาพยาบาล ค่าวัคซีน ค่าใช้จ่ายในการประกาศติดตามสัตว์เลี้ยงสูญหาย ค่ารับฝากเลี้ยง ให้คุณหมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เริ่มต้นค่าเบี้ยประกันเพียง 645 บาท/ปีเท่านั้น สนใจรายละเอียดหรือต้องการซื้อประกันสัตว์เลี้ยงทางออนไลน์คลิกเลย!
#ประกันสัตว์เลี้ยง #ประกันแมว