ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี 2568 ต้องอบรมไหม และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
12 มิถุนายน 2025
ผู้ชม: 43 คน

ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี 2568 ต้องอบรมไหม และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร

เมื่อใบขับขี่ชนิดชั่วคราว 2 ปี ใกล้หมดอายุ หลายคนอาจมีคำถามหากจะต่ออายุเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีในปี 2568 ต้องเตรียมตัวอย่างไร? ต้องอบรมหรือไม่? และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

การต่อใบขับขี่จาก 2 ปีเป็น 5 ปี ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และยังเป็นโอกาสในการทบทวนความรู้ด้านกฎจราจร รวมถึงตรวจสุขภาพให้พร้อมก่อนขับขี่บนท้องถนน

และขั้นตอนในการต่อใบขับขี่ปี 2568 จำเป็นต้องอบรมไหม ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร เพื่อให้คุณเตรียมตัวล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง ไม่พลาดวันหมดอายุ และไม่ต้องเสียเวลาวิ่งวุ่นในวันสุดท้ายของการต่ออายุใบขับขี่

 

เงื่อนไขการอบรมต่อใบขับขี่ 5 ปี ต้องอบรมไหม?

เมื่อใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี ใกล้หมดอายุ หลายคนอาจเริ่มกังวลโดยเฉพาะในเรื่องของการอบรม ว่าจำเป็นต้องเข้ารับการอบรมใหม่หรือไม่ หากจะต่ออายุเป็นแบบ 5 ปี

ข่าวดีคือ ไม่จำเป็นต้องอบรมใหม่ หากใบขับขี่ของคุณ ยังไม่หมดอายุ หรือหมดอายุไม่เกิน 1 ปี ก็สามารถยื่นขอต่ออายุเป็นใบขับขี่แบบ 5 ปีได้โดยไม่ต้องเข้าอบรมอีกครั้ง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถยื่นคำขอต่ออายุได้ล่วงหน้านานถึง 180 วัน (6 เดือน) ช่วยให้มีเวลาเตรียมตัวโดยไม่ต้องรอให้ถึงวันหมดอายุ 

สามารถจองคิวทำใบขับขี่ออนไลน์ด้วยแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ DLT Smart Queue หรือ Waik-in เข้าไปที่สำนักงานกรมการขนส่งทางบกแต่ละพื้นที่ ส่วนการอบรมนั้นจะบังคับเฉพาะการต่อใบขับขี่ 5 ปีเป็น 5 ปีเท่านั้น


เอกสารที่ต้องใช้ในการต่ออายุใบขับขี่

สำหรับผู้ที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่จากแบบ 2 ปี เป็น 5 ปี ควรเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เสียเวลาในวันยื่นคำขอ โดยเอกสารที่ต้องใช้

  • ใบขับขี่ตัวจริง (แบบ 2 ปี)
  • บัตรประชาชนตัวจริง
  • ใบรับรองแพทย์ ซึ่งต้องออกโดยสถานพยาบาลที่ถูกต้อง และมีอายุไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ออก

แนะนำให้ตรวจสอบวันหมดอายุของเอกสารล่วงหน้า และจัดเตรียมไว้ให้พร้อม เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการต่อใบขับขี่

ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ ทำได้ที่ไหนบ้าง

การต่ออายุใบขับขี่จากแบบชั่วคราว 2 ปี เป็นใบขับขี่แบบ 5 ปี สามารถดำเนินการได้ที่กรมการขนส่งทางบกทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. จองคิวล่วงหน้า

แนะนำให้จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue เพื่อหลีกเลี่ยงการรอคิวนาน หรือหากสะดวกสามารถเดินทางไปยื่นเรื่องที่สำนักงานขนส่งโดยตรงได้เช่นกัน

2. ยื่นเอกสารและกรอกคำขอ

เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน (ใบขับขี่เดิม บัตรประชาชน ใบรับรองแพทย์) แล้วกรอกแบบฟอร์มคำขอต่ออายุใบขับขี่

3. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

ประกอบด้วยการทดสอบต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการขับขี่ เช่น

 

  • การมองเห็นสีไฟจราจร (เขียว เหลือง แดง)
  • ทดสอบสายตาทางลึก
  • ทดสอบสายตาทางกว้าง
  • ทดสอบปฏิกิริยาเท้า (การเหยียบเบรก)

4. ถ่ายรูปและชำระค่าธรรมเนียม

เมื่อผ่านการตรวจสมรรถภาพแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการถ่ายรูปเพื่อออกใบขับขี่ใหม่ พร้อมชำระค่าธรรมเนียม

 

ต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

มีค่าใช้จ่าย 505 บาท (ค่าใบขับขี่ 500 บาท + ค่าคำขอ​ 5 บาท)

 

หากขาดต่อใบขับขี่ ต้องทำอย่างไร

  • ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะต้องสอบข้อเขียนใหม่
  • ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปี ต้องเริ่มกระบวนการทำใบขับขี่ใหม่ทั้งหมด อบรม / ทดสอบข้อเขียน / ทดสอบขับรถ

 

ใบขับขี่หมดอายุมีโทษปรับอย่างไร

หากขับรถในขณะที่ใบขับขี่หมดอายุ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายจราจร มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกใบสั่งหรือยึดใบขับขี่ได้ทันที แม้จะหมดอายุเพียง 1 วันก็มีสิทธิ์โดนปรับ ดังนั้นควรตรวจสอบวันหมดอายุของใบขับขี่อยู่เสมอ และควรต่ออายุล่วงหน้าได้ภายใน 180 วัน (6 เดือน) นอกจากนี้หากไม่แสดงใบขับขี่หรือไม่พกใบขับขี่ระหว่างขับรถจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทอีกด้วย 

 

ซื้อประกันรถยนต์ต้องใช้ใบขับขี่ไหม

คุณสามารถซื้อประกันรถยนต์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่ แต่การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่อาจทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และยังเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
หากคุณเป็นฝ่ายผิด : บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของคุณ แต่จะยังคงรับผิดชอบความเสียหายต่อบุคคลภายนอกตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
หากคุณเป็นฝ่ายถูก : บางกรณีบริษัทประกันภัยอาจพิจารณาให้ความคุ้มครอง แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

 

นอกจากใบขับขี่จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนขับรถยนต์แล้ว ประกันรถยนต์สำคัญไม่แพ้กัน เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นเหตุสุดวิสัยหรือความประมาทเล็กน้อย การมีประกันรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย และมอบความอุ่นใจทั้งต่อตัวคุณและผู้ร่วมทางบนท้องถนน

แนะนำประกันรถยนต์จากทิพยประกันภัย ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่ประกันชั้น 1 คุ้มครองครบทั้งรถคุณและรถคู่กรณี ไม่ว่าจะชน มีรอย ถอยชนเสา ไปจนถึงประกัน 2+, 3+ ที่ดูแลในราคาประหยัดแต่ยังคงคุ้มครองรถชนที่มีคู่กรณี หรือกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ และประกันชั้น 3 ที่เน้นความรับผิดต่อบุคคลภายนอกในราคาย่อมเยา สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันออนไลน์ได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736

#Tag: