เมาแล้วขับโดนโทษอะไร เจอโทษอะไรบ้าง ประกันช่วยเราได้ไหม
14 กรกฎาคม 2025
ผู้ชม: 9 คน

เมาแล้วขับโดนโทษอะไร ประกันรถช่วยจ่ายไหม อัปเดตโทษใหม่ 2568

เมาแล้วขับโดนโทษอะไร
การสังสรรค์กับเพื่อนฝูงอาจเป็นเรื่องสนุก แต่หากตามมาด้วยการขับขี่ขณะมึนเมา ความสนุกนั้นอาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมได้ในพริบตา เพราะอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับยังคงเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนน เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่ร้ายแรง วันนี้ TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโทษเมาแล้วขับที่อัปเดตล่าสุด รวมถึงไขข้อข้องใจว่าในคดีเมาแล้วขับประกันรถยนต์จะคุ้มครองเราหรือไม่ มาดูกันเลย

 

เมาแค่ไหนถึงผิดกฎหมาย

หลายคนอาจคิดว่า ดื่มนิดหน่อย ไม่เมาหรอก แต่ในทางกฎหมายมีเกณฑ์การวัดที่ชัดเจน นั่นคือระดับแอลกอฮอล์ในเลือด หรือ Blood Alcohol Concentration (BAC) ซึ่งเป็นหน่วยวัดสากลที่ใช้ในการตรวจสอบผู้ขับขี่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เครื่องเป่าแอลกอฮอล์เพื่อวัดค่า BAC ของผู้ขับขี่ ณ ด่านตรวจ ซึ่งผลที่ได้จะถูกใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดีเมาแล้วขับตามกฎหมาย

ปริมาณแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่า เมาแล้วขับ

สำหรับผู้ขับขี่ทั่วไปที่มีอายุเกิน 20 ปี และมีใบขับขี่ตลอดชีพ ตามกฎหมายกำหนดว่า หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะถือว่ามีความผิดฐานเมาแล้วขับทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์เพียงเท่านี้อาจมาจากเบียร์แค่ 1-2 กระป๋อง หรือไวน์เพียง 2 แก้วเท่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ดื่มไม่ขับ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทาง

ผู้ขับขี่อายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมีใบขับขี่ชั่วคราว เกณฑ์แค่ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

สำหรับผู้ขับขี่บางกลุ่ม กฎหมายได้กำหนดเกณฑ์ที่เข้มงวดกว่าปกติ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง โดยหากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็จะถือว่ามีความผิดฐานเมาแล้วขับทันที ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้แก่

  • ผู้ขับขี่ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
  • ผู้ขับขี่ที่ถือใบอนุญาตขับรถชั่วคราว (ใบขับขี่ 2 ปี)
  • ผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาต
  • ผู้ขับขี่ที่ใช้ใบขับขี่รถประเภทอื่นที่ใช้แทนกันไม่ได้

ปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ มีความผิดหรือไม่?

หากคุณถูกเจ้าหน้าที่เรียกให้ทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์แต่ปฏิเสธที่จะเป่า พฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยกฎหมายจะสันนิษฐานว่าผู้นั้นมีเหตุอันควรเชื่อว่าเมาสุรา หรือสรุปง่าย ๆ คือ ให้ถือว่าคุณเมาแล้วขับทันที และจะถูกดำเนินคดีในอัตราโทษสูงสุดของความผิดฐานเมาแล้วขับครั้งแรก ดังนั้น การปฏิเสธการเป่าจึงไม่ใช่ทางออก แต่กลับทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก

อัตราโทษเมาแล้วขับ

อัตราโทษเมาแล้วขับ ปี 2568 ตามกฎหมายใหม่ล่าสุด

กฎหมายจราจรทางบกฉบับใหม่ได้เพิ่มอัตราโทษสำหรับคดีเมาแล้วขับให้สูงขึ้น เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่ขาดความรับผิดชอบและลดความสูญเสียบนท้องถนน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

โทษเมาแล้วขับครั้งแรก

หากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก และยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น จะต้องเผชิญกับบทลงโทษดังนี้

  • จำคุกไม่เกิน 1 ปี
  • ปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท
  • หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรืออาจถูกเพิกถอนใบอนุญาต

เมาแล้วขับทำผิดซ้ำ ภายใน 2 ปี โทษหนักขึ้น 2 เท่า

สำหรับผู้ที่เคยมีประวัติเมาแล้วขับและกลับมากระทำผิดซ้ำภายใน 2 ปีนับจากวันที่กระทำผิดครั้งแรก กฎหมายได้เพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้นเป็นทวีคูณ เพื่อเน้นย้ำว่านี่คือพฤติกรรมที่ไม่สามารถยอมรับได้

  • จำคุกไม่เกิน 2 ปี (โทษจำคุกเป็นภาคบังคับ)
  • ปรับตั้งแต่ 50,000 - 100,000 บาท
  • เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ และจะไม่ได้กลับมาขับรถอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี หรืออาจตลอดชีวิต

โทษเมาแล้วขับ จนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อการเมาแล้วขับของคุณไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ซึ่งจะกลายเป็นคดีเมาแล้วขับที่มีโทษทางอาญาร้ายแรง และไม่สามารถยอมความได้

  • กรณีบาดเจ็บ ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
    • จำคุก 1-5 ปี
    • ปรับ 20,000 - 100,000 บาท
    • พักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
       
  • กรณีบาดเจ็บสาหัส ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
    • จำคุก 2-6 ปี
    • ปรับ 40,000 - 120,000 บาท
    • พักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่
       
  • กรณีเสียชีวิต ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
    • จำคุก 3-10 ปี
    • ปรับ 60,000 - 200,000 บาท
    • เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที

 

เมาแล้วขับ ประกันรถยนต์จ่ายเคลมให้ไหม?

นี่คือคำถามสำคัญที่ผู้ขับขี่หลายคนสงสัย เพราะนอกจากโทษทางอาญาแล้ว ความเสียหายทางการเงินก็เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณมีอยู่

ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) คุ้มครองใครบ้าง?

พ.ร.บ. หรือประกันภัยภาคบังคับ มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยจะให้ความคุ้มครองดังนี้

  • บุคคลภายนอก (คู่กรณีและผู้โดยสาร) พ.ร.บ. จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง (สูงสุด 80,000 บาท/คน) และค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต (500,000 บาท/คน)
  • ผู้ขับขี่ฝ่ายผิด จะได้รับความคุ้มครองเฉพาะค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น (สูงสุด 30,000 บาท) และจะไม่ได้รับเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต

ประกันภัยภาคสมัครใจจ่ายให้คู่กรณี แต่ไม่จ่ายให้เรา

สำหรับประกันภัยภาคสมัครใจ ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1, 2+, 3+ หรือชั้น 3 จะมีเงื่อนไขข้อยกเว้นที่ชัดเจนเกี่ยวกับคดีเมาแล้วขับหากผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

  • ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก บริษัทประกันภัยจะยังคงรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของอีกฝ่าย
  • ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกัน (ฝ่ายผิด) บริษัทประกันจะไม่จ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ และไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินจาก พ.ร.บ. ให้ นั่นหมายความว่า ค่าซ่อมรถของตัวเองทั้งหมด คุณต้องเป็นผู้รับผิดชอบ 100%

สรุปโทษเมาแล้วขับ

สรุปบทความ

การเมาแล้วขับไม่เพียงแต่ผิดกฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรง แต่ยังสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล ทั้งยังทำให้ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองความเสียหายของตัวเราเองอีกด้วย การขับรถอย่างมีสติและไม่ประมาทจึงเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยบนท้องถนน และเพื่อให้ทุกการเดินทางอุ่นใจยิ่งขึ้น การมีประกันรถยนต์จาก TIPINSURE จะช่วยคุ้มครองคุณในยามเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพื่อช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาและอำนวยความสะดวกคุณได้เมื่อภัยมา ไม่ว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงแค่ไหน ก็มั่นใจได้ว่ามีเราพร้อมดูแลอยู่เคียงข้างคุณเสมอ

#Tag: