ซื้อประกันอุบัติเหตุ ต้องตรวจสุขภาพไหม?
14 พฤศจิกายน 2025
ผู้ชม: 7 คน

ซื้อประกันอุบัติเหตุ ต้องตรวจสุขภาพไหม?

ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลายคนเริ่มมองหาความคุ้มครองไว้เผื่อเหตุไม่คาดคิด ประกันอุบัติเหตุ กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ค่าใช้จ่ายฉุกเฉินไม่กลายเป็นภาระ แต่ระหว่างที่กำลังตัดสินใจกลับสะดุดกับคำถามหนึ่งที่มักได้ยินเสมอ ต้องตรวจสุขภาพไหม?

เพราะภาพจำของการทำประกันมักมาพร้อมขั้นตอนตรวจร่างกาย เช็กโรคประจำตัว และเอกสารยืดยาว ทั้งที่ในความเป็นจริงประกันอุบัติเหตุมีขั้นตอนง่ายกว่านั้นมาก และหลายแผนไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ

แล้วบริษัทประกันดูอะไรบ้างก่อนอนุมัติกรมธรรม์? ต้องตรวจสุขภาพไหม? และมีเคล็ดลับอย่างไรในการเลือกแผนให้เหมาะกับตัวเองที่สุด? คำตอบทั้งหมดอยู่ในบทความนี้ 

 

ประกันอุบัติเหตุคืออะไร? จำเป็นไหม?

ประกันอุบัติเหตุ หรือ Personal Accident Insurance (PA) คือกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่ได้ตั้งใจ เช่น ลื่นล้ม รถชน ถูกของมีคมบาด หรือเหตุรุนแรงอื่นๆ ที่ส่งผลให้บาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต

ความคุ้มครองหลักๆ จะครอบคลุม

  • ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ
  • เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพ
  • เงินชดเชยรายได้ระหว่างพักรักษาตัว
  • เงินชดเชยกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

ข้อดีคือ เบี้ยประกันไม่แพง เริ่มต้นเพียงหลักร้อยหลักพันบาทต่อปี แต่ให้ความคุ้มครองหลักแสนถึงหลักล้านบาท เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทาง ขับรถ หรือมีโอกาสเจอกับเหตุไม่คาดคิดในชีวิตประจำวัน

 

ประกันอุบัติเหตุกับประกันสุขภาพ ต่างกันยังไง?

แม้ชื่อจะคล้ายกัน แต่สองแบบนี้มีจุดมุ่งหมายและขอบเขตความคุ้มครองที่ต่างกันอย่างชัดเจน

ประกันอุบัติเหตุ (PA) เน้นคุ้มครอง เหตุการณ์เฉียบพลันที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น เช่น การบาดเจ็บจากการลื่นล้ม รถชน หรือโดนของมีคมบาด โดยจะจ่ายค่ารักษา ชดเชยรายได้ หรือจ่ายเงินก้อนหากเกิดทุพพลภาพหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ

ในขณะที่ ประกันสุขภาพ (Health Insurance) จะคุ้มครองค่ารักษาจากการเจ็บป่วยหรือโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ เบาหวาน ความดัน หรือโรคร้ายแรง รวมถึงค่าห้อง ค่ายา และค่าผ่าตัดในโรงพยาบาล

ดังนั้นทั้งสองแบบจึงเสริมกันมากกว่าจะทับซ้อน ประกันสุขภาพช่วยตอน ป่วย ส่วนประกันอุบัติเหตุช่วยตอน เจ็บ

 

แล้วตกลง… ซื้อประกันอุบัติเหตุ ต้องตรวจสุขภาพไหม?

ส่วนใหญ่ไม่ต้องตรวจสุขภาพ! เพราะประกันอุบัติเหตุเน้นความคุ้มครองจากเหตุการณ์ภายนอก ที่เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจ ไม่ได้เกี่ยวกับโรคประจำตัวหรือสภาพสุขภาพในอดีต บริษัทประกันจึงไม่จำเป็นต้องให้ลูกค้าผ่านการตรวจร่างกายก่อนสมัคร

ผู้ซื้อเพียงกรอกข้อมูลส่วนตัว ตอบคำถามสุขภาพเบื้องต้น และชำระเบี้ย ก็สามารถรับความคุ้มครองได้ทันที บางแผนอนุมัติภายในไม่กี่นาที

แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็นแผนคุ้มครองวงเงินสูงมาก หรือสมัครในช่วงอายุมากกว่าเกณฑ์ (เช่น 60 ปีขึ้นไป) บางบริษัทอาจขอเอกสารสุขภาพเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งเป็นเพียงกรณียกเว้นเท่านั้น

 

วิธีเลือกแผนคุ้มครองประกันอุบัติเหตุให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์

ประกันอุบัติเหตุไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่มีหลายระดับความคุ้มครองให้เลือก ทั้งแบบพื้นฐานที่เน้นคุ้มครองชีวิต ไปจนถึงแบบครอบคลุมค่ารักษา รายได้ระหว่างพักฟื้น และเงินชดเชยพิเศษในกรณีทุพพลภาพถาวร การเลือกให้เหมาะกับตัวเองจึงสำคัญที่สุด เพราะแต่ละคนมีวิถีชีวิตและความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน

1. สายเดินทางบ่อย / ขับรถเป็นประจำ

หากต้องเดินทางทุกวัน ไม่ว่าจะขับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือโดยสารสาธารณะ ควรเลือกแผนที่ เน้นความคุ้มครองการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นหลัก รวมถึงมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงพอสมควร เช่น 50,000–100,000 บาทขึ้นไป เพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง

2. สายออฟฟิศ / ทำงานในอาคาร

ถึงจะไม่ได้ขับรถบ่อย แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ เช่น ลื่นล้ม ตกบันได ถูกของตกใส่ หรือเดินสะดุด ควรเลือกแผนที่เน้นค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุทั่วไป และมีเงินชดเชยรายได้ระหว่างพักฟื้น เพื่อช่วยทดแทนรายได้ในช่วงต้องหยุดงาน

3. สายแอคทีฟ / ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง

คนที่ชอบปั่นจักรยาน วิ่ง ปีนเขา หรือเล่นกีฬา ควรดูแผนที่ครอบคลุมอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา ด้วย เพราะบางกรมธรรม์ทั่วไปอาจไม่รวมกรณีนี้ และควรเลือกแบบที่มีค่ารักษาพยาบาลสูง พร้อมวงเงินกรณีทุพพลภาพ เพื่อป้องกันความเสี่ยงระยะยาว

4. สายครอบครัว / มีภาระดูแลคนในบ้าน

หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว ควรเลือกแผนที่มี เงินชดเชยกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในวงเงินสูง เพื่อให้คนข้างหลังยังมีความมั่นคงทางการเงินหากเกิดเหตุไม่คาดคิด และอย่าลืมตรวจสอบว่ากรมธรรม์นั้นมีคุ้มครองคู่สมรสหรือบุตร ได้ในกรมธรรม์เดียวกันหรือไม่

5. สายท่องเที่ยว / เดินทางต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ่อย

ควรเลือกประกันอุบัติเหตุที่ครอบคลุมทุกพื้นที่การเดินทาง รวมถึงมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงในต่างจังหวัดหรือแม้แต่ต่างประเทศ บางแผนยังให้ความคุ้มครองเพิ่มหากเกิดอุบัติเหตุจากการโดยสารเครื่องบินเชิงพาณิชย์อีกด้วย และเสริมด้วยประกันเดินทางหากมีแผนบินต่างประเทศบ่อยจะช่วยให้ครอบคลุมมากขึ้น

 

เมื่อรู้แล้วว่าการทำประกันอุบัติเหตุเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ไม่ต้องเตรียมเอกสารให้ยุ่งยาก และไม่ต้องผ่านขั้นตอนซับซ้อนใดๆ คุณก็สามารถเริ่มต้น วางแผนความคุ้มครองความเสี่ยง ให้กับตัวเองได้ทันที 

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ทิพยประกันภัย ที่ครอบคลุมตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ ไปจนถึงเงินชดเชยกรณีบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เพียงมีประกันอุบัติเหตุจากทิพยประกันภัย คุณจะได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการเงิน สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736  

#Tag: