แจ้งเคลมแล้วยกเลิกได้ไหม? เรื่องเล็กที่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าไม่รู้เงื่อนไขนี้!
12 พฤศจิกายน 2025
ผู้ชม: 18 คน

แจ้งเคลมแล้วยกเลิกได้ไหม? เรื่องเล็กที่อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าไม่รู้เงื่อนไขนี้!

เวลารถเฉี่ยว รถชน หรือเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ หลายคนรีบแจ้งเคลมไว้ก่อนเพื่อความอุ่นใจ แต่รู้ไหมว่าพอแจ้งเคลมแล้ว จะมาขอยกเลิกทีหลังไม่ใช่ว่าจะทำได้เสมอไป!

เพราะการแจ้งเคลมถือเป็น ประวัติความเสียหาย ที่บริษัทประกันต้องบันทึกไว้ และอาจมีผลต่อค่าเบี้ยในปีถัดไป รวมถึงสิทธิ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับกรมธรรม์ เรื่องที่คิดว่าเล็กและง่าย อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ในพริบตา โดยเฉพาะถ้าคุณไม่รู้ว่า เคสไหนยกเลิกเคลมได้ และเคสไหนไม่สามารถยกเลิกได้เด็ดขาด

TIPINSURE จะพาคุณไปไขคำตอบให้ชัดๆ แจ้งเคลมแล้วอยากยกเลิกต้องทำยังไง? เงื่อนไขที่หลายคนมักไม่รู้คืออะไร? และเคลมแบบไหนที่อาจกระทบค่าเบี้ยปีหน้าโดยไม่จำเป็น?

 

แจ้งเคลมแล้ว ยกเลิกได้หรือไม่?

คำตอบคือ ยกเลิกได้บางกรณีเท่านั้น ไม่ใช่ทุกเคส เพราะการแจ้งเคลมแต่ละครั้งจะถูกบันทึกลงในระบบของบริษัทประกันว่าเป็นเหตุการณ์ความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับรถของคุณ ซึ่งข้อมูลนี้มีผลทั้งต่อการประเมินค่าเสียหาย, การดำเนินงานซ่อม และ ประวัติส่วนลดเบี้ยประกันในปีถัดไป ดังนั้นการขอยกเลิกเคสจึงต้องพิจารณาจากสถานะเคลม ณ ขณะนั้น

โดยหลักแล้ว ถ้าเป็นกรณีที่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อจากการแจ้งเคลม เช่น ยังไม่ได้ส่งรถเข้าอู่ ยังไม่ได้ออกเอกสารอนุมัติซ่อม ไม่มีคู่กรณี และยังไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเลย เคสลักษณะนี้มักจะสามารถขอยกเลิกได้ง่ายกว่า และหลายบริษัทจะจบเคสโดยไม่นับเป็นประวัติเคลม ซึ่งหมายความว่าจะไม่กระทบส่วนลดประวัติดี (NCD) และไม่ดันค่าเบี้ยปีหน้าให้สูงขึ้น

แต่ในกรณีที่บริษัทประกันได้เริ่มดำเนินการบางอย่างไปแล้วไม่ว่าจะเป็น

  • มี คู่กรณี และมีเอกสาร / หลักฐานประกอบ
  • รถได้ เข้าสู่อู่ซ่อม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
  • บริษัทได้ ออกใบเคลม / ใบมอบหมายซ่อมให้ศูนย์
  • มีการ ประเมินราคา, สั่งอะไหล่, หรือเริ่มซ่อม
  • หรือมีการ ทำสำนวนคดี / ลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ

เคสในลักษณะนี้มักจะไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะเริ่มมีพันธะทางเอกสาร หรือค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเริ่มกระบวนการไปแล้ว และการยกเลิกในขั้นนี้อาจสร้างผลกระทบต่อคู่กรณี, อู่ซ่อม, หรือ กระบวนการพิจารณาสินไหมนั่นเอง

สรุปง่ายๆ คือ

  • ยกเลิกได้ ถ้าเรื่องยังไม่เดินต่อจากการแจ้งเคลม (ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีคู่กรณี ไม่มีการซ่อม)
  • ยกเลิกไม่ได้ ถ้ามีเอกสารคดี ค่าใช้จ่าย หรือเริ่มซ่อมแล้ว

เพราะฉะนั้นก่อนแจ้งเคลมทุกครั้ง ควรประเมินสถานการณ์ให้ชัดว่าคุ้มไหมที่จะเคลม? ควรซ่อมเองหรือเปล่า? และถ้าต้องการขอยกเลิกเคลมจริงๆ ควรรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถปิดเคสได้ก่อนที่เรื่องจะเดินหน้าไปไกลจนแก้ไขไม่ได้

 

ขั้นตอนยกเลิกเคลมประกันรถ

1. ติดต่อบริษัทประกันทันที

โทรหา Call Center หรือเจ้าหน้าที่เคลมที่ดูแลเคสของคุณ แจ้ง เลขเคลม + เลขกรมธรรม์ และบอกต้องการขอยกเลิกเคสเคลมนี้ และปิดเคสโดยไม่บันทึกเป็นประวัติเคลม

2. แจ้งเหตุผลการยกเลิกให้ชัดเจน

เช่น ยังไม่ได้ซ่อม, เคลมผิด, ไม่มีคู่กรณี, ต้องการซ่อมเอง การให้เหตุผลที่ตรงและชัดจะช่วยให้บริษัทประเมินได้ง่ายขึ้น

3. กรอกแบบฟอร์ม/ส่งเอกสาร (หากบริษัทร้องขอ) 

เช่น แบบฟอร์มยกเลิกเคลม, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารอื่นๆ ฯลฯ

4. ขอเอกสารยืนยันการปิดเคสเป็นลายลักษณ์อักษร

ขอให้บริษัทส่งหลักฐานทางว่าได้ดำเนินการยกเลิกเคลมประกันรถเรียบร้อยแล้ว

 

ผลกระทบที่หลายคนไม่รู้ เมื่อแจ้งเคลมแล้วไม่ยกเลิก

หลายคนคิดว่าแจ้งเคลมไว้ก่อน เผื่อไว้ไม่เสียหาย แต่จริงๆ แล้ว แค่การแจ้งเคลมก็ถือเป็นประวัติความเสียหายของรถแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กหรือซ่อมไม่เยอะก็ตาม และสิ่งนี้อาจส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันและการประเมินความเสี่ยงในอนาคต

1. กระทบค่าเบี้ยประกันปีถัดไป

เมื่อมีการเคลมบริษัทประกันจะบันทึกว่ารถของคุณเกิดเหตุเสียหาย ซึ่งอาจทำให้ส่วนลดประวัติดี (No Claim Bonus / NCD) ลดลง หรือถูกตัดสิทธิ์ไป และมีโอกาสทำให้ค่าเบี้ยประกันปีถัดไปเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการเคลมแบบฝ่ายเราเป็นผู้ผิด หรือเคลมบ่อยในปีเดียว อาจเห็นค่าเบี้ยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ยิ่งเคลมบ่อย = ยิ่งถูกมองว่ามีโอกาสเกิดเหตุซ้ำ = ค่าเบี้ยก็ขยับสูงขึ้น

2. อาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มมีความเสี่ยง

บริษัทประกันไม่ได้ดูแค่จำนวนเงินซ่อม แต่ดูพฤติกรรมการเคลมด้วย เช่น เคลมถี่ในช่วงเวลาสั้นๆ, เคลมเหตุซ้ำในตำแหน่งเดิม, เคลมโดยไม่มีคู่กรณีบ่อยครั้ง

สิ่งเหล่านี้อาจทำให้กรมธรรม์ของคุณถูกจัดไปอยู่ในกลุ่มที่มีโอกาสเกิดเหตุบ่อย และผลลัพธ์ทำให้ค่าเบี้ยสูงขึ้น หรือปีต่อไปอาจถูกปรับลดความคุ้มครองบางส่วน

3. อาจส่งผลต่อประวัติการประกันรถยนต์ในระยะยาว

ประวัติการเคลมของรถจะถูกบันทึกในระบบกลาง โดยไม่ได้ผูกกับแค่บริษัทเดียว ซึ่งหมายความว่าแม้คุณจะย้ายค่ายประกัน ประวัติการเคลมก็ยังตามไปด้วย บริษัทใหม่จะใช้ข้อมูลนี้ในการ ประเมินราคา และความเสี่ยง

ดังนั้น การแจ้งเคลมไม่คิดในปีนี้ อาจส่งผลในปีถัดไป โดยเฉพาะถ้ารถมีการเคลมหลายครั้ง แม้เป็นจำนวนเงินไม่เยอะก็ตาม

 

การแจ้งเคลมประกันรถยนต์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่หลายคนมักไม่รู้คือ แค่แจ้งไว้ก่อนก็อาจกลายเป็นประวัติเคลมได้ทันที และอาจมีผลต่อประวัติดี รวมถึงค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป ดังนั้นก่อนแจ้งเคลมทุกครั้ง ควรประเมินสถานการณ์ให้รอบคอบ เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง

และถ้าคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่เข้าใจลูกค้า เคลมง่าย มีเจ้าหน้าที่พร้อมช่วยเหลือ ทิพยประกันภัย คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ทำให้ทุกการเดินทางอุ่นใจมากขึ้น สอบถามรายละเอียดได้ที่ TIPINSURE.COM หรือโทร. 1736  

#Tag: