สรุปให้! ประกันรถยนต์แต่ละแพ็คเกจต่างกันยังไง เลือกแบบไหนให้ตรงไลฟ์สไตล์ที่สุด
17 มิถุนายน 2021
ผู้ชม: 788 คน

 

สรุปให้!
ประกันรถยนต์แต่ละแพ็คเกจต่างกันยังไง??
เลือกแบบไหนให้ตรงไลฟ์สไตล์ที่สุด!

               ในช่วงที่เศรษฐกิจหยุดชะงักอย่างนี้ การจะใช้เงินที่มีในมือก็มักเป็นไปอย่างระมัดระวัง แต่การทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยอื่นๆ เมื่อสถานการณ์ทางการเงินเริ่มตึงมือ หลายคนก็เริ่มมองหาประกันรถยนต์ในราคาที่ถูกลงเพื่อเซฟเงินในกระเป๋าเอาไว้ ซึ่งหากว่าเราสามารถเลือกประกันรถที่เหมาะกับการไลฟ์สไตล์การใช้งานได้ ก็จะยิ่งได้ราคาที่ถูกลง วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำประกันรถยนต์ชั้น 2 และประกันรถยนต์ชั้น 3 ประกันรถยนต์ราคาประหยัดให้กับทุกคน 

               สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าประกันรถยนต์ 2 แพ็คเกจนี้แตกต่างกันอย่างไร? และต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ตรงไหน มาทำความเข้าใจไปด้วยกันได้เลย

              อันดับแรกให้คุณคิดไว้ในใจว่าความคุ้มครองของประกันรถยนต์นั้นแบ่งเป็น 3 ข้อ คือ

  1. ตัวรถ (รถชน, รถหาย,รถไฟไหม้,รถน้ำท่วม)

  2. บุคคลภายในรถ (ค่ารักษาพยาบาล, อุบัติเหตุส่วนบุคคล, ประกันตัวผู้ขับขี่)

  3. บุคคลภายนอก (ทรัพย์สิน,ตัวบุคคล)

              และให้นึกถึงคำเคลมของประกันรถชั้น 1 ที่มักจะได้ยินบ่อยครั้งว่า ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองครอบคลุม หมายความว่าอะไร? หมายความว่า ประกันรถชั้น 1 นั้นคุ้มครองครบทั้ง 3 ข้อดังกล่าว ไม่ว่าจะกรณีอะไร ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองทั้งหมด

              แล้วประกันรถอื่นๆ แตกต่างจากประกันรถชั้น 1 ตรงไหน? จะค่อยๆ ไล่ลำดับให้คุณเข้าใจง่ายที่สุดคือ ประกันรถยนต์แพ็คเกจอื่นๆ สาระสำคัญจะอยู่ที่เรื่องของตัวรถ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้แต่ละแพ็คเกจแตกต่างกันนั่นเอง

              เราจะเริ่มกันที่ประกันรถชั้น 2 ... อย่างที่บอกว่าส่วนที่ต่างกันคือเรื่องของตัวรถ ซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 2 จะคุ้มครองในกรณีที่รถของคุณสูญหายหรือถูกไฟไหม้ แต่จะไม่คุ้มครองเรื่องถูกน้ำท่วม รวมถึงการไปชนหรือถูกชนในทุกกรณี ประกันรถชั้น 2 จึงถูกออกแบบมาให้คนที่มีประสบการณ์การขับรถมาอย่างยาวนานและมีวินัยในการขับขี่

              ต่อกันที่ประกันรถชั้น 3 ... เรียกว่าเมื่อคุณเลือกทำประกันรถชั้น 3 นั่นหมายถึงว่าคุณจำเป็นต้องมีวินัยและความรอบคอบในการขับขี่สูงสุด เพราะประกันรถชั้น 3 จะไม่คุ้มครองในเรื่องของรถทุกกรณี ไม่ว่าจะชน หาย ไฟไหม้หรือน้ำท่วมก็ตาม ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับการใช้รถขับระยะใกล้ หรือใช้รถชั่วคราวมากกว่าการใช้รถเป็นประจำ  

              แต่ไม่ว่าจะประกันรถชั้น 2 หรือ ประกันรถชั้น 3 ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี เพราะยังคุ้มครองในส่วนของบุคคลภายนอก คือทรัพย์สินและตัวบุคคลที่แวดล้อมอยู่ในที่เกิดเหตุ และส่วนของบุคคลภายในรถคันที่เอาประกันภัย ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะมีค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้ รวมถึงการประกันตัวผู้ขับขี่ด้วย

              เมื่อเข้าใจประกันรถชั้น 2 และประกันรถชั้น 3 แล้ว คำถามต่อมาคือ แล้วประกันรถชั้น 2+ และประกันรถชั้น 3+ คืออะไร? ต่างจากปกติอย่างไร?

              ประกันรถชั้น 2+ และ ประกันรถชั้น 3+ เป็นแพ็คเกจที่ถูกออกแบบมาให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ต้องการทั้งราคาประหยัดและความคุ้มครองที่จะได้มากกว่าประกันรถชั้น 2 หรือ ประกันรถชั้น 3 แบบปกติ สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันคือประกันรถชั้น 2+ และ ประกันรถชั้น 3+ เพิ่มความคุ้มครองในกรณีรถชนรถ นั่นหมายความว่า จะต้องเป็นการชนแบบมีคู่กรณีนั่นเอง

              หากยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณเข้าใจถูกต้องหรือไม่ ภาพด้านล่างอาจช่วยเสริมความเข้าใจนั้นได้เป็นอย่างดี

               สรุปแล้วประกันรถในราคาประหยัดก็มีตัวเลือกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีพฤติกรรมการขับขี่หรือใช้รถแบบใด ก็สามารถเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานได้ และการเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2 หรือประกันรถยนต์ชั้น 3 ยังถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่า เพราะราคาเริ่มต้นที่หลักพันเท่านั้น สามารถเช็คราคาในรถยนต์รุ่นของคุณได้ที่ TIPINSURE.com

  • เช็คราคาประกันรถชั้น 1 : คลิก
  • เช็คราคาประกันรถชั้น 2+ : คลิก

  • เช็คราคาประกันรถชั้น 3+ : คลิก

  • เช็คราคาประกันรถชั้น 3 : คลิก


 

#Tag: