คืนรถไฟแนนซ์แบบไม่เสียส่วนต่าง ทำได้ไหม มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
11 กรกฎาคม 2025
ผู้ชม: 17 คน

คืนรถไฟแนนซ์แบบไม่เสียส่วนต่าง ทำได้จริงไหม มาดูกัน

คืนรถไฟแนนซ์แบบไม่เสียส่วนต่าง
เชื่อว่าหลายคนที่กำลังผ่อนรถยนต์อยู่ อาจเคยเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายตึงมือจนเริ่ม “ผ่อนต่อไม่ไหว” การตัดสินใจคืนรถไฟแนนซ์จึงกลายเป็นหนึ่งในทางออกที่หลายคนนึกถึง แต่การคืนรถให้ไฟแนนซ์คืออะไรกันแน่? แล้วที่เคยได้ยินมาว่าสามารถคืนรถได้แบบที่ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างเพิ่มนั้นเป็นไปได้จริงหรือไม่? วันนี้ TIPINSURE ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้แล้ว เพื่อให้คุณเข้าใจทุกแง่มุมก่อนตัดสินใจ

 

การคืนรถไฟแนนซ์คืออะไร?

การคืนรถไฟแนนซ์ คือ การที่ผู้เช่าซื้อไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ต่อไปได้ตามสัญญา จึงทำการส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวคืนให้กับบริษัทไฟแนนซ์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยการคืนรถนี้ถือเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยและทำข้อตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่การนำรถไปจอดทิ้งไว้ที่บริษัทไฟแนนซ์เฉยๆ เพราะการกระทำเช่นนั้นอาจส่งผลเสียตามมาได้

 

ค่าส่วนต่างเกิดจากอะไร ทำไมต้องจ่าย?

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเมื่อคืนรถไฟแนนซ์ไปแล้ว หนี้สินทุกอย่างจะจบลง แต่ในความเป็นจริงอาจมีค่าส่วนต่างเกิดขึ้นได้ ซึ่งค่าส่วนต่างนี้คือจำนวนเงินที่ผู้เช่าซื้อยังคงต้องรับผิดชอบ แม้ว่าจะคืนรถไปแล้วก็ตาม โดยปกติแล้ว เมื่อไฟแนนซ์ได้รับรถคืน จะนำรถไปขายทอดตลาด หากราคาที่ขายได้ต่ำกว่ายอดหนี้ที่ยังค้างชำระอยู่ ส่วนต่างที่ขาดไปนั่นเองคือสิ่งที่เราต้องจ่ายเพิ่ม

ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดค่าส่วนต่าง

  • ราคากลางของรถยนต์ที่ลดลง มูลค่าของรถยนต์ลดลงตามกาลเวลา ยิ่งใช้งานนาน ราคาก็ยิ่งตก
  • สภาพรถยนต์ที่เสื่อมโทรม หากรถมีรอยชนหนัก ไม่ได้รับการดูแล หรือถูกดัดแปลงสภาพ อาจทำให้ราคาขายทอดตลาดต่ำกว่าที่ควร
  • ยอดหนี้คงเหลือที่สูง โดยเฉพาะในช่วงปีแรกๆ ของการผ่อน ยอดหนี้มักจะสูงกว่ามูลค่ารถที่แท้จริงอยู่มาก ทำให้เมื่อคืนรถไฟแนนซ์โอกาสเกิดค่าส่วนต่างจึงสูงตามไปด้วย

 

คืนรถไฟแนนซ์ ไม่เสียส่วนต่างทำได้จริงไหม

คำตอบคือ เป็นไปได้จริง แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางประการเท่านั้น ไม่ใช่ทุกกรณีที่จะสามารถทำได้ การจะคืนรถไฟแนนซ์แบบไร้ภาระค่าส่วนต่าง คุณจำเป็นต้องเตรียมตัวและเจรจากับไฟแนนซ์ให้ดี โดยส่วนใหญ่มักจะเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้

ยอดหนี้คงเหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับมูลค่ารถ ณ ปัจจุบัน

กรณีนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่ผ่อนรถมาเป็นเวลานาน (เช่น เกิน 70-80% ของสัญญา) ทำให้ยอดหนี้ที่เหลืออยู่ไม่สูงมากนัก เมื่อไฟแนนซ์นำรถไปขายทอดตลาด จึงได้ราคาที่สามารถปิดหนี้คงค้างได้พอดี หรืออาจมีเงินเหลือคืนให้เราด้วยซ้ำไป นอกจากนี้ หากรถของคุณเป็นรุ่นที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาดและมีสภาพดีเยี่ยม โอกาสที่ราคาขายจะสูงกว่ายอดหนี้ก็มีมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง

มีการเจรจาและทำข้อตกลงกับไฟแนนซ์ล่วงหน้า

หากคุณรู้ตัวล่วงหน้าว่าไม่สามารถผ่อนต่อได้ การเดินเข้าไปปรึกษาและเจรจากับไฟแนนซ์ตั้งแต่เนิ่นๆ (ก่อนที่จะเริ่มค้างค่างวด) ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะจะแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของคุณ บางครั้งไฟแนนซ์อาจมีข้อเสนอพิเศษ เช่น การยอมรับรถคืนโดยไม่คิดค่าส่วนต่าง หรืออาจช่วยหาผู้ซื้อที่ให้ราคาสูง เพื่อให้คุณเจ็บตัวน้อยที่สุด

สัญญาเช่าซื้อระบุเงื่อนไขพิเศษ

แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่สัญญาเช่าซื้อบางฉบับอาจมีเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้เช่าซื้อในกรณีที่ต้องการคืนรถไฟแนนซ์ดังนั้น การกลับไปอ่านรายละเอียดในสัญญาอย่างถี่ถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจมีช่องทางที่ทำให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระค่าส่วนต่างก็เป็นได้

กรณีไหนบ้างที่ต้องเสียส่วนต่างเมื่อต้องคืนรถ

กรณีไหนบ้างที่ต้องเสียส่วนต่างเมื่อต้องคืนรถ

ในทางกลับกัน มีหลายกรณีที่การคืนรถไฟแนนซ์แทบจะการันตีได้เลยว่าคุณจะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าส่วนต่างอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากสถานการณ์เหล่านี้

คืนรถในช่วงปีแรกๆ ของสัญญา

ในช่วง 1-2 ปีแรกของการผ่อน เงินค่างวดส่วนใหญ่จะถูกนำไปตัดในส่วนของดอกเบี้ย ทำให้เงินต้นลดลงช้ามาก ในขณะที่มูลค่ารถยนต์กลับลดลงอย่างรวดเร็ว (Depreciates) การคืนรถไฟแนนซ์ในช่วงนี้จึงทำให้ยอดหนี้คงเหลือสูงกว่าราคาขายทอดตลาดอย่างแน่นอน

ค้างชำระค่างวดติดต่อกันหลายเดือนจนถูกยึดรถ

การปล่อยให้ไฟแนนซ์มายึดรถ ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพราะนอกจากจะต้องเสียประวัติในเครดิตบูโรแล้ว คุณยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการติดตามและยึดรถอีกด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะถูกนำไปรวมกับยอดหนี้เดิม ทำให้ภาระค่าส่วนต่างยิ่งสูงขึ้นไปอีก

สภาพรถยนต์ไม่สมบูรณ์หรือเกิดอุบัติเหตุหนัก

สภาพรถยนต์คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาขายทอดตลาด หากรถของคุณเคยประสบอุบัติเหตุหนัก มีร่องรอยความเสียหายชัดเจน หรือขาดการดูแลรักษาที่ดี แน่นอนว่าราคาที่ได้จากการขายย่อมต่ำลง และส่วนต่างที่คุณต้องรับผิดชอบก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

 

ขั้นตอนการคืนรถยนต์ให้ไฟแนนซ์แบบไม่เสียส่วนต่าง

หากคุณประเมินแล้วว่าเข้าเงื่อนไขที่อาจจะไม่ต้องเสียค่าส่วนต่าง การดำเนินการอย่างถูกวิธีคือหัวใจสำคัญ ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคุณให้ได้มากที่สุด

  • ตรวจสอบสัญญาเช่าซื้อ อ่านรายละเอียดเงื่อนไขการคืนรถและข้อตกลงต่างๆ ให้ชัดเจน
  • ประเมินราคารถยนต์ ลองเช็กราคากลางของรถยนต์รุ่นเดียวกับของคุณในตลาดรถมือสอง เพื่อให้ทราบมูลค่าคร่าวๆ
  • ติดต่อไฟแนนซ์ทันที อย่ารอให้ค้างค่างวด แจ้งความประสงค์ในการขอคืนรถไฟแนนซ์และนัดวันเข้าไปเจรจา
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม นำเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น สัญญาเช่าซื้อ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารการชำระเงินต่างๆ ติดตัวไปด้วย
  • เจรจาต่อรอง ชี้แจงเหตุผลและพยายามหาข้อตกลงร่วมกันที่ดีที่สุด โดยอาจยื่นข้อเสนอเรื่องสภาพรถที่ดี หรือการช่วยหาผู้ซื้อ
  • ทำเอกสารส่งมอบรถ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะต้องมีการทำหนังสือตกลงการส่งมอบรถคืน โดยระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าการคืนรถครั้งนี้เป็นการสิ้นสุดภาระหนี้ทั้งหมด
  • เก็บหลักฐานไว้เสมอ ถ่ายรูปและเก็บสำเนาเอกสารทุกฉบับไว้เป็นหลักฐานสำคัญ

 

ผลกระทบและข้อควรระวังหลังการคืนรถไฟแนนซ์

การตัดสินใจคืนรถไฟแนนซ์แม้จะช่วยปลดล็อกภาระค่างวดรายเดือนได้ แต่ก็มีผลกระทบที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน เพื่อให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะตามมา

  • ประวัติเสียในเครดิตบูโร การคืนรถก่อนครบสัญญาจะถูกบันทึกในข้อมูลเครดิตของคุณ
  • ความยากลำบากในการขอสินเชื่อในอนาคต ประวัติที่เสียไปอาจทำให้ธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อใหม่ๆ ให้กับคุณไปอีกหลายปี
  • อาจถูกฟ้องร้องได้ หากการคืนรถยังคงมีค่าส่วนต่างเหลืออยู่ และคุณไม่สามารถชำระได้ ไฟแนนซ์มีสิทธิ์ฟ้องร้องเพื่อเรียกเก็บเงินจำนวนดังกล่าว
  • เสียเงินที่ผ่อนไปทั้งหมด เงินค่างวดและเงินดาวน์ที่คุณจ่ายไปก่อนหน้านี้จะถือว่าสูญเปล่าทันที
  • ไม่มีรถยนต์ใช้งาน ต้องวางแผนการเดินทางในชีวิตประจำวันใหม่ ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมา
  • ความเครียดและผลกระทบทางจิตใจ การเผชิญกับปัญหาหนี้สินสามารถสร้างความเครียดและส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้

 

ทางออกอื่นก่อนตัดสินใจคืนรถไฟแนนซ์

ก่อนที่จะเลือกทางออกสุดท้ายด้วยการคืนรถไฟแนนซ์ยังมีอีกหลายวิธีที่อาจช่วยให้คุณยังสามารถรักษารถยนต์คันโปรดไว้ได้ และมีผลกระทบทางการเงินน้อยกว่า

  • ขอรีไฟแนนซ์รถยนต์ คือการขอสินเชื่อก้อนใหม่จากสถาบันการเงินแห่งอื่นเพื่อมาปิดหนี้เก่า ซึ่งมักจะได้เงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง หรือระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้น ทำให้ค่างวดต่อเดือนลดลง
  • เจรจาขอปรับโครงสร้างหนี้ ลองเข้าไปพูดคุยกับบริษัทไฟแนนซ์เดิมโดยตรง เพื่อขอปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ เช่น การขอลดค่างวดชั่วคราว หรือการพักชำระหนี้เป็นบางช่วง
  • ขายดาวน์หรือเปลี่ยนสัญญา เป็นการหาผู้ซื้อรายใหม่ที่สนใจ มาผ่อนรถต่อจากคุณ โดยคุณอาจได้รับเงินก้อนเล็กๆ คืนจากเงินดาวน์ที่เคยจ่ายไป วิธีนี้จะช่วยให้คุณปิดหนี้ได้โดยไม่เสียประวัติทางการเงิน
  • ขอลดหย่อนหนี้พร้อมชำระแบบขั้นบันได เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการปรับโครงสร้างหนี้ โดยอาจขอชำระค่างวดน้อยๆ ในช่วงแรก และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อสถานการณ์ทางการเงินของคุณดีขึ้น

สรุปการคืนรถไฟแนนซ์ไม่เสียส่วนต่าง

สรุปบทความ

การผ่อนรถยนต์สักหนึ่งคันจำเป็นต้องมีการวางแผนทางการเงินที่รอบคอบและรัดกุม การศึกษาเงื่อนไขในสัญญาเช่าซื้อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ตั้งแต่แรกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่หากอยากวางแผนเรื่องความปลอดภัยและความอุ่นใจในการใช้รถ การมีประกันรถยนต์จาก TIPINSURE คือเพื่อนแท้ที่พร้อมคุ้มครองคุณได้เสมอ เพราะเราเข้าใจดีว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด เพื่อช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาเมื่อภัยมา ไม่ว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงแค่ไหน เราก็พร้อมดูแลคุณในทุกเส้นทาง

#Tag: