ราษฎร์ทุกถิ่นแซ่ซ้องสดุดี
พระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงริเริ่มไว้เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรเริ่มสัมฤทธิผล ไม่ว่าจะเป็นโครงการป่า น้ำ ดิน คน กว่า ๑,๕๐๐ โครงการ ยังความสุขสมบูรณ์แก่ปวงราษฎรไทยทั่วแผ่นดิน
วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ทรงประกอบพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ณ พลับพลาตรีมุขพระราชวังโบราณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติเป็นระยะเวลายาวนานกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในประวัติศาสตร์ชาติไทย นับแต่วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ถึงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๑ ทรงครองราชย์ครบ ๔๒ ปี ๒๒ วัน เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
แต่แล้วในปี พ.ศ. ๒๕๓๔-๒๕๓๙ ได้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองในประเทศอย่างต่อเนื่องถึงสองครั้ง ครั้งแรกเป็นการยึดอำนาจจากรัฐบาลโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๔ และเกิดการจลาจลในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งทรงปัดเป่าให้เหตุการณ์คลี่คลายลงและนำประเทศชาติกลับสู่ความสงบ เป็นภาวะปกติ ดังที่พลเอก สุจินดา คราประยูร หนึ่งในผู้นำของคณะ รสช. และนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลานั้นได้บันทึกไว้ว่า
“ในระหว่างบ้านเมืองเกิดจลาจล ก็ได้พระราชทานคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ทรงรอบรู้และรู้จักประวัติของบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทรงมีความห่วงใยและทรงรับฟังข้อคิดเห็นจากบุคคลทุกฝ่าย ทรงมีความเที่ยงธรรมและทรงให้ความเมตตาแก่ประชาชนทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน..”
วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ทรงประกอบพระราชพิธีกาญจนาภิเษก เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์นั้น ไม่อาจที่จะหาพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในโลกที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมาอย่างสม่ำเสมอ ถึงบางครั้งจะต้องทรงผจญกับเหตุการณ์อันน่าสลดพระทัย แต่ก็ไม่ทรงหมดกำลังพระทัยที่จะทำต่อไป ด้วยสิ่งที่ทรงยึดมั่นไว้ตลอดเวลา คือ พระราชดำรัสประโยคว่า
“แม่สอนไว้ให้เป็นคนพูดความจริงและซื่อสัตย์”
ข้อมูล : เรียบเรียงจากสมุดตราไปรษณียากรพิเศษ “ดั่งดวงแก้วแห่งแผ่นดิน”